เมนู

เป็นเหตุ ให้สติบริสุทธิ์อยู่ บุคคลนั้นพอใจ ชอบใจจตุตถฌานนั้น และถึง
ความปลื้มใจด้วยจตุตถฌานนั้น ตั้งอยู่ในจตุตถฌานนั้น น้อมใจไปในจตุตถ-
ฌานนั้น อยู่จนคุ้นด้วยจตตุถฌานนั้น ไม่เสื่อม เมื่อกระทำกาละ ย่อมเข้า
ถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าเวหัปผละ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย 500 กัป
เป็นประมาณอายุของเทวดาเหล่าเวหัปผละ ปุถุชนดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละนั้น
ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณอายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว
ย่อมเข้าถึงนรกบ้าง กำเนิดดิรัจฉานบ้าง เปรตวิสัยบ้าง ส่วนสาวกของพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้า ดำรงอยู่ในชั้นเวหัปผละนั้น ตราบเท่าตลอดอายุ ยังประมาณ
อายุทั้งหมดของเทวดาเหล่านั้นให้สิ้นไปแล้ว ย่อมปรินิพพานในภพนั้นเอง
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้แลเป็นความพิเศษผิดแผกแตกต่างกัน ระหว่างอริย-
สาวกผู้ได้สดับกับปุถุชนผู้ไม่ได้สดับ คือ ในเมื่อคติ อุบัติมีอยู่.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวก นี้แล มีปรากฏอยู่ในโลก.
จบปฐมฌานสูตรที่ 3

อรรถกถาปฐมฌานสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปฐมฌานสูตรที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ตทสฺสาเทติ ความว่า ย่อมติดใจฌานนั้นด้วยติดใจสุข.
บทว่า นิกาเมติ แปลว่า ยังปรารถนา. บทว่า วิตฺตึ อาปชฺชติ คือ
ถึงความยินดี. บทว่า ตทธิมุตฺโต คือ ปักใจในฌานนั้น หรือน้อมใจไปสู่
ฌานนั้น. บทว่า ตพฺพหุลวิหารี ได้แก่ อยู่มากด้วยฌานนั้น. บทว่า
สหพฺยตํ อุปปชฺชติ ความว่า ย่อมไปอยู่ร่วมกัน คือ ย่อมเกิดในในเทวดา
เหล่าเวหัปผละนั้น.

ในบทว่า กปฺโป อายุปฺปมาณํ นี้ ปฐมฌาณมีอย่างต่ำ มีปานกลาง
และประณีต. ในปฐมฌานนั้น ส่วนที่สามแห่งกัปเป็นประมาณอายุของเทวดา
ผู้เกิดขึ้นด้วยปฐมฌานอย่างต่ำ ครึ่งกัปของเทวดาผู้เกิดขึ้นด้วยปฐมฌาน
ปานกลาง หนึ่งกัปของเทวดาผู้เกิดขึ้นด้วยปฐมฌานประณีต. ท่านกล่าวคำนี้
หมายถึงข้อนั้น. บทว่า นิรยํปิ คจฺฉติ ความว่า ผู้ที่ยังเป็นปุถุชน ย่อม
วนเวียนอยู่ เพราะกรรมที่จะต้องไปนรกเขายังละไม่ได้ แต่จะไม่ใช่ต่อเนื่องกัน.
บทว่า ตสฺมึเยว ภเว ปรินิพฺพายติ ความว่า สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้า
อยู่ในรูปภพนั้นแล้ว ย่อมปรินิพพาน จะไม่ลงไปเบื้องต่ำ บทว่า ยทิทํ
คติยา อุปปตฺติยา สติ
ความว่า เมื่อคติอุปบัติมีอยู่. อธิบายว่า อริยสาวก
ผู้เป็นพระเสขะไม่ตกต่ำด้วยอำนาจปฏิสนธิ ปรินิพพานในรูปภพนั้นนั่นแหละ
คือในพรหมโลกชั้นสูงขึ้นไป เพราะทุติยฌานเป็นต้นอย่างใดอย่างหนึ่ง ส่วน
ปุถุชนย่อมไปนรกเป็นต้นได้ นี้เป็นเหตุต่างกัน.
แม้ในบทว่า เทฺว กปฺปา นี้ ทุติยฌานก็มีสามอย่าง โดยนัยที่
กล่าวแล้วนั่นเอง. ในทุติยฌานนั้น 8 กัปเป็นประมาณอายุของเทวดาผู้บังเกิด
ด้วยทุติยฌานประณีต 4 กัปด้วยทุติยฌานปานกลาง 2 กัปด้วยทุติยฌาน
อย่างต่ำ ท่านกล่าวคำนี้หมายถึงข้อนั้น. ในบทว่า จตฺตาโร กปฺปา นี้
พึงนำคำที่กล่าวไว้ในหนหลังว่า กปฺโป เทฺว กปฺปา ดังนี้ มาอธิบายก็จะ
ทราบได้. บทว่า กปฺโป เป็นชื่อแม้ของการคูณ 4 ครั้ง เพราะฉะนั้น
พึงเห็นเนื้อความในข้อนี้ดังนี้ว่า หนึ่งกัป สองกัป สี่กัป. ท่านอธิบายว่า
กัปใดที่ท่านกล่าวแล้วเป็นครั้งแรก นับกัปนั้น 2 ครั้ง เอาหนึ่งคูณเป็น 2 กัป
เอาสองคูณเป็นสี่กัป. อีกสี่กัปเหล่านั้นคูณ 2 คูณเป็น 4 คูณกัปเหล่านั้น
เพราะฉะนั้น เอา 4 คูณเป็นแปดกัป เอาสองคูณเป็น 16 เป็น 32 เป็น 64

พึงทราบว่า 64 กัป ท่านถือเอาด้วยอำนาจประณีตฌานในที่นี้อย่างนี้.
บทนี้ว่า ปญฺจ กปฺปสตานิ ท่านกล่าวด้วยอำนาจแห่งอุปปัตติฌานที่ประณีต
เท่านั้น อนึ่ง ประมาณอายุเท่านี้ในเวหัปผละ เพราะพรหมโลกชั้นละสาม
ไม่มีเหมือนในปฐมฌานภูมิเป็นต้น เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวอย่างนี้.
จบอรรถกถาปฐมฌานสูตรที่ 3

4. ทุติยฌานสูตร


ว่าด้วยบุคคลผู้เจริญฌาน 4 จำพวก


[124] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกนี้ มีปรากฏอยู่ในโลก
4 จำพวกเป็นไฉน คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ สงัดจากกาม สงัดจากอกุศล
ธรรม บรรลุปฐมฌาน มีวิตก มีวิจาร มีปีติและสุขเกิดแต่วิเวกอยู่ รูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณอันใด มีอยู่ในปฐมฌานนั้น บุคคลนั้นพิจารณา
เห็นธรรมเหล่านั้นโดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดัง
หัวผี เป็นดังลูกศร เป็นของทนได้ยาก เป็นของเบียดเบียน เป็นของไม่เชื่อฟัง
เป็นของต้องทำลายไป เป็นของว่างเปล่า เป็นของไม่ใช่ตน บุคคลนั้นเมื่อ
ตายไป ย่อมเข้าถึงความเป็นสหายของเทวดาเหล่าสุทธาวาส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ความอุบัตินี้แลไม่ทั่วไปถึงปุถุชน.
อีกประการหนึ่ง บุคคลบางคนในโลกนี้ บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุ
ตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ไม่มีทุกข์ ไม่มีสุข เพราะละสุขละทุกข์และ
ดับโสมนัสโทมนัสก่อน ๆ ได้ มีอุเบกขาเป็นเหตุให้สติบริสุทธิ์อยู่ รูป เวทนา
สัญญา สังขาร วิญญาณอันใด มีอยู่ในจตุตถฌานนั้น บุคคลนั้นย่อมพิจารณา