เมนู

จงเจริญสัมมาทิฏฐิ และอย่าประมาทในการละมิจฉาทิฏฐิ และการเจริญสัมมา
ทิฏฐินั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล ภิกษุละกายทุจริต เจริญกายสุจริต
ละวจีทุจริต เจริญวจีสุจริต ละมโนทุจริต เจริญมโนสุจริต ละมิจฉาทิฏฐิ
เจริญสัมมาทิฏฐิได้แล้ว ในกาลนั้น เธอย่อมไม่กลัวต่อความตาย อันจะมีใน
ภายหน้า.
จบอัปปมาทสูตรที่ 6

อรรถกถาอัปปมาทสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอัปปมาทสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ยโต โข คือ เมื่อใดแล. บทว่า สมฺปรายิกสฺส นั้น
เป็นเพียงเทศนา. แต่พระขีณาสพไม่กลัวต่อความตายอันจะมีมาในกาลภายหน้า
ทั้งไม่กลัวต่อความตายอันจะมีในปัจจุบัน. ก็พระขีณาสพนั้นท่านประสงค์ในที่นี้
แต่อาจารย์บางพวกกล่าวว่า ท่านประสงค์เอาพระอริยะทั้งหลายแม้ทั้งปวงตั้งต้น
แต่พระโสดาบัน เพราะพระบาลีว่า สมฺมาทิฏฐิ ภาวิตา เจริญสัมมาทิฏฐิ
แล้ว .
จบอรรถกถาอัปปมาทสูตรที่ 6

7. อารักขสูตร


ว่าด้วยความไม่ประมาทในฐานะ 4 ประการ


[117] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ
มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่ตน ในฐานะ 4 ประการ 4 ประการเป็นไฉน
คือ ภิกษุพึงกระทำความไม่ประมาท คือ มีสติเครื่องรักษาใจโดยสมควรแก่
ตนว่า จิตของเราอยู่กำหนัดในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด 1 จิตของเรา
อย่าขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง 1 จิตของเราอย่าหลงในธรรม
เป็นที่ตั้งแห่งความหลง 1 จิตของเราอย่ามัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความ
มัวเมา 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในกาลใดแล จิตของภิกษุไม่กำหนัดในธรรม
เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด เพราะปราศจากความกำหนัด จิตของภิกษุไม่
ขัดเคืองในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความขัดเคือง เพราะปราศจากความขัดเคือง
จิตของภิกษุไม่หลงในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความหลง เพราะปราศจากความหลง
จิตของภิกษุไม่มัวเมาในธรรมเป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา เพราะปราศจากความ
มัวเมา ในกาลนั้น เธอย่อมไม่หวาดเสียว ไม่หวั่น ไม่ไหว ไม่ถึงความสะดุ้ง
และย่อมไม่ไปแม้เพราะเหตุแห่งถ้อยคำของสมณะ.
จบอารักขสูตรที่ 7