เมนู

ใครจะควรติบุคคลผู้ได้สดับมาก
ทั้งเป็นผู้ทรงธรรม ตอบด้วยปัญญา เป็น
สาวกพระพุทธเจ้า ราวกะแต่งทองชมพูนท
นั้นเล่า แม่เหล่าเทวดาดีย่อมชม ถึงพรหม
สรรเสริญ.

จบอัปปสุตสูตรที่ 6

อรรถกถาอัปปสุตสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในอัปปสุตสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้.
บทว่า อนุปปนฺโน แปลว่า ไม่เข้าถึง. ในบทมีอาทิว่า สุตฺตํ นี้
อุภโตวิภังค์ นิทเทส ขันธกปริวาร สุตตนิบาต มงคลสูตร รตนสูตร
นาลกสูตร ตุวฏกสูตร พระดำรัสของพระตถาคตแม้อื่นมี ชื่อว่าสูตร พึง
ทราบว่า สูตร. พระสูตรที่มีคาถาแม้ทั้งหมด พึงทราบว่า เคยยะ. โดยเฉพาะ
อย่างยิ่งในสังยุตตนิกาย สคาถวรรคแม้ทั้งหมด อภิธรรมปิฎกแม้ทั้งสิ้น สูตรที่
ไม่มีคาถา พระพุทธพจน์แม้อื่นที่ไม่สงเคราะห์เข้ากับองค์ 8 เหล่าอื่น พึง
ทราบว่า เวยยากรณะ. ธรรมบท เถรคาถา เถรีคาถา และคาถาล้วนไม่มี
ชื่อพระสูตรในสุตตนิบาต พึงทราบว่า คาถา. พระสูตร 82 สูตร ที่ประกอบ
ด้วยคาถาอันสำเร็จมาแต่โสมนัสญาณ พึงทราบว่าอุทาน. พระสูตร 110 สูตร
อันเป็นไปโดยนัยเป็นอาทิว่า วุตฺตมิทํ ภควตา พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสไว้
ดังนี้ พึงทราบว่า อิติวุตตกะ. ชาดก 550 ชาดก. มีอปัณณกชาดกเป็นต้น
พึงทราบว่า ชาดก. พระสูตรที่ประกอบด้วยธรรมที่น่าอัศจรรย์ไม่เคยมี แม้

ทั้งหมด อันเป็นไปโดยนัยเป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อัจฉริยอัพภูตธรรม
4 ของเรามีอยู่ พึงทราบว่า อัพภูตธรรม. พระสูตรแม้ทั้งปวง ที่ถามแล้ว
ได้ความรู้ และความยินดี มีจูฬเวทัลลสูตร มหาเวทัลลสูตร สัมมาทิฏฐิสูตร
สักกปัญหสูตร สังขารภาชนิยสูตร มหาปุณณมสูจรเป็นต้น พึงทราบว่า
เวทัลละ.
บทว่า น อตฺถมญฺญาย ธมฺมมญฺญาย ความว่า ไม่รู้อรรถกถา
และบาลี. บทว่า ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน ความว่า ย่อมไม่ปฏิบัติธรรม
สมควรแก่โลกุตรธรรม 9 คือข้อปฏิบัติเบื้องหน้า พร้อมทั้งศีล. พึงทราบ
เนื้อความในทุกวาระโดยอุบายนี้. ส่วนวาระที่หนึ่ง ในพระสูตรนี้ ตรัสถึง
บุคคลผู้มีสุตะน้อยแต่ทุศีล ในวาระที่สอง ตรัสถึงบุคคลผู้มีสุตะน้อยแต่เป็น
พระขีณาสพ ในวาระที่สาม ตรัสถึงบุคคลผู้มีสุตะมากแต่ทุศีล ในวาระที่สี่
ตรัสถึงบุคคลผู้มีสุตะมากทั้งเป็นพระขีณาสพ. บทว่า สีเลสุ อสมาหิโต
ความว่า ไม่ทำให้บริบูรณ์ในศีลทั้งหลาย. บทว่า สีลโต จ สุเตน จ
ความว่า นักปราชญ์ทั้งหลายย่อมติเตียนผู้นั้น ทั้งโดยส่วนศีล ทั้งโดยส่วนสุตะ
อย่างนี้ว่า คนนี้ทุศีล มีสุตะน้อย. บทว่า ตสฺส สมฺปชฺชเต สุตํ ความว่า
สุตะของบุคคลนั้น ชื่อว่าสมบูรณ์ เพราะเหตุที่กิจคือสุตะอันเขาทำแล้วด้วย
สุตะนั้น. บทว่า นาสฺส สมฺปชฺชเต ได้แก่ ความว่า สุตกิจ ชื่อว่าไม่สมบูรณ์
เพราะกิจคือสุตะอันเขามิได้ทำ. บทว่า ธมฺมธรํ ได้แก่ เป็นผู้ทรงจำธรรม
ที่ฟังแล้วไว้ได้. บทว่า สปฺปญฺญํ ได้แก่ มีปัญญาดี. บทว่า เนกฺขํ
ชมฺโพนทสฺเสว
ความว่า ทองคำธรรมชาติ เขาเรียกว่า ชมพูนุท ดุจแท่งทอง
ชมพูนุทนั้น คือ ดุจลิ่มทองเนื้อ 5.
จบอรรถกถาอัปปสุตสูตรที่ 6

7. สังฆโสภณสูตร


ว่าด้วยบุคคลผู้ทำหมู่ให้งาม 4 จำพวก


[7] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 4 จำพวกเหล่านี้ ที่ฉลาด มีวินัย
กล้าหาญ สดับมาก ทรงธรรม ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมยังหมู่
ให้งาม บุคคล 4 จาพวกเหล่านี้คือใคร คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา
บุคคล 4 จำพวกเหล่านี้แล ที่ฉลาด มีวินัย กล้าหาญ สดับมาก ทรงธรรม
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ย่อมยังหมู่ให้งาม
บุคคลใด เป็นผู้ฉลาดและกล้าหาญ
เป็นผู้สดับมาก และทรงจำธรรม เป็นผู้
ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม บุคคลเช่น
นั้นนั่น เรียกว่าผู่ยังหมู่ให้งามภิกษุ ภิกษุณี
อุบาสก และอุบาสิกา เป็นผู้มีศรัทธา
สมบูรณ์ด้วยศีล เป็นพหูสูต บุคคลเหล่านี้
แลยังหมู่ให้งาม บุคคลเหล่านี้เป็นสังฆ-
โสภณ (ผู้ยังหมู่ให้งาม) แท้จริง.

จบสังฆโสภณสูตรที่ 7