เมนู

อรรถกถาปริพาชกสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในปริพาชกสูตรที่ 10 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อภิญฺญาตา ได้แก่ ผู้มีชื่อที่รู้จักกันคือปรากฏ. บทว่า
อนฺนภาโร เป็นต้น เป็นชื่อของปริพาชกเหล่านั้น. บทว่า ปฏิสลฺลานา
วุฏฺฐิโต
ได้แก่ พระผู้มีพระภาคเจ้า เสด็จออกจากผลสมาบัติ. ก็ผลสมาบัตินั้น
ท่านประสงค์ว่าที่เร้นในที่นี้. บทว่า ปจฺจกฺขาย คือคัดค้าน. บทว่า
อภิชฺฌาลุํ คือผู้มีตัณหา. บทว่า กาเมสุ ติพฺพสาราคํ ความว่า ผู้มีราคะ
ความกำหนัดมากในวัตถุกาม. บทว่า ตมหํ ตตฺถ เอวํ วเทยฺยํ ความว่า
เมื่อเขากล่าวคำนั้น เราจะกล่าวอย่างนี้ในเหตุนั้น . บทว่า ปฏิกฺโกสิตพฺพํ
มญฺเญยฺย
ความว่า ผู้ใดมาสำคัญว่าควรคัดค้าน คือว่าควรห้าม. บทว่า
สหธมฺมิกา ได้แก่พร้อมกับเหตุ บทว่า วาทานุปาตา ความว่า ก็เบียดเบียน
วาทะที่ประกอบด้วยธรรม ก็ตกไปตามวาทะที่ไม่ประกอบด้วยธรรม อธิบายว่า
ประพฤติตามวาทะ. บทว่า คารยฺหา ฐานา คือปัจจัยอันควรติเตียน. บทว่า
อาคจฺฉนฺติ คือย่อมเข้าถึง.
บทว่า อุกฺกลา คือชาวชนบทอุกกละ. บทว่า วสฺสภญฺญา คือ
ปริพาชก 2 คน ชื่อวัสสะ และภัญญะ. บทว่า อเหตุกวาทา ความว่า
ทั้ง 2 คนเป็นผู้มีวาทะเป็นต้นอย่างนี้ว่า เหตุไม่มี ปัจจัยไม่มี เพื่อความ
หมดจดแห่งสัตว์ทั้งหลายดังนี้. บทว่า อกิริยวาทา ความว่า ผู้มีวาทะปฏิเสธ
กิริยวาทะอย่างนี้ว่า เมื่อบุคคลทำอยู่ บาปไม่ชื่อว่าอันบุคคลทำดังนี้. บทว่า
นตฺถิกวาทา ความว่า ผู้มีวาทะเป็นต้นอย่างนี้ว่า ทานที่ทายกให้แล้วไม่มีผล
ดังนี้ . คนทั้ง 2 เหล่านั้น เป็นผู้ดิ่งลงในทัสนะทั้ง 3 เหล่านี้. ถามว่า ก็ใน

คนเหล่านั้น กำหนดได้อย่างไร ? ตอบว่า ก็ผู้ใดถือลัทธิเห็นปานนี้ นั่ง
สาธยายพิจารณาอยู่ในสถานที่พักกลางคืนและที่พักกลางวัน มิจฉาสติของผู้นั้น
ย่อมตั้งมั่นอยู่ในอารมณ์นั้นว่า เหตุไม่มี ปัจจัยไม่มี เมื่อบุคคลทำอยู่ บาป
ย่อมไม่ชื่อว่าอันบุคคลทำ ฯลฯ ทานที่ทายกให้แล้วไม่มีผล ฯลฯ เพราะกายแตก
ย่อมขาดสูญ ดังนี้ จิตย่อมแน่วแน่ ชวนจิตทั้งหลายย่อมแล่นไป ในชวนจิต
ที่หนึ่ง ผู้นั้น ยังเป็นผู้แก้ไขได้ ในชวนจิตที่สองเป็นต้น ก็อย่างนั้น ในชวนจิต
ที่เจ็ด ผู้นั้นแม้พระพุทธเจ้าทั้งหลายก็แก้ไขไม่ได้ไม่กลับมา ย่อมเป็นเช่น
เดียวกับอริฏฐภิกษุและกัณฏกสามเณร. บรรดาทัสนะ 3 อย่างนั้น บางคน
หยั่งสู่ทัสนะเดียว บางคน 2 ทัสนะ บางคน 3 ทัสนะ เขาย่อมชื่อว่า
นิยตมิจฉาทิฏฐิกะทั้งนั้น เขาต้องห้ามทางสวรรค์ และต้องห้ามทางพระนิพพาน
ไม่ควรจะไปสู่สวรรค์ ในลำดับแห่งอัตภาพนั้น จะต้องกล่าวไปไย ถึงพระ-
นิพพานเล่า. อธิบายว่า สัตว์ผู้นี้เป็นผู้เฝ้าแผ่นดิน ชื่อว่าเป็นตอในวัฏฏะ.
โดยมากสัตว์เห็นปานนี้ไม่ออกจากภพ. ถึงวัสสะ และภัญญะปริพาชกก็เป็น
เช่นนี้. บทว่า นินฺทาพฺยาโรสนาอุปารมฺภภยา ความว่า เพราะตนกลัว
นินทา กลัวเกลียดชัง และกลัวเขาว่าร้ายดังนี้ .
บทว่า อภิชฺฌาวินเย สิกฺขํ ความว่า พระอรหัต เรียกว่าธรรมเครื่อง
กำจัดอภิชฌา ผู้ศึกษาในพระอรหัตอยู่ เรียกว่าผู้ไม่ประมาทดังนี้. ตรัสทั้ง
วัฏฏะทั้งวิวัฏฏะไว้ในพระสูตรแล้ว จึงตรัสผลสมาบัติไว้ในพระคาถา ด้วย
ประการฉะนี้.
จบอรรถกถาปริพาชกสูตรที่ 10
จบอุรุเวลวรรควรรณนาที่ 3

รวมพระสูตรที่มีในอุรุเวลวรรคนี้ คือ


1. ปฐมอุรุเวลสูตร 2. ทุติยอุรุเวลสูตร 3. โลกสูตร 4 กาฬก-
สูตร 5. พรหมจริยสูตร 6. กุหสูตร 7. สันตุฏฐิสูตร 8. อริยวังสสูตร
9. ธัมมปทสูตร 10. ปริพาชกสูตร และอรรถกถา.