เมนู

ไม่ดี ด้วยอำนาจ อภิชฌา พยาบาท และมิจฉาทิฏฐิ. บทว่า ทุพฺภาสิ-
ตภาสี
ความว่า แม้เมื่อจะพูด ก็ย่อมพูดแต่คำพูดที่ไม่ดี แยกประเภทเป็น
มุสาวาทเป็นต้น. บทว่า ทุกฺกฏกมฺมารี ความว่า แม้เมื่อทำย่อมทำแต่
สิ่งที่ไม่ดี ด้วยอำนาจปาณาติบาตเป็นต้น. บทมีอาทิว่า ปณฺฑิตลกฺขณานิ
พึงทราบตามทำนองลักษณะที่กล่าวแล้วนั่นแล.
ส่วนบททั้งหลายมีบทว่า สุจินฺติตจินฺตี เป็นต้น ในสูตรนี้ พึง
ประกอบด้วยอำนาจแห่งสุจริตทั้งหลาย มีมโนสุจริตเป็นต้น.
จบอรรถกถาจินตสูตรที่ 3

4. อัจจยสูตร



ว่าด้วยธรรมที่บ่งบอกว่าเป็นพาลหรือบัณฑิต



[443] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
พึงทราบได้ว่าเป็นคนพาล ธรรม 3 ประการคืออะไรบ้าง คือ ไม่เห็นความล่วง
เกินโดยเป็นความล่วงเกิน เห็นความล่วงเกินแล้ว ไม่ทำคืนตามวิธีที่ชอบ
อนึ่ง เมื่อคนอื่นแสดงโทษที่ล่วงเกิน ก็ไม่รับตามวิธีที่ชอบ บุคคลประกอบ
ด้วยธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบเถิดว่าเป็นคนพาล
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการ พึงทราบ
ได้ว่าเป็นบัณฑิต ธรรม 3 ประการคืออะไรบ้าง คือ เห็นความล่วงเกินโดย
เป็นความล่วงเกิน เห็นความล่วงเกินโดยเป็นความล่วงเกินแล้วทำคืนตามวิธี

ที่ชอบ อนึ่ง เมื่อคนอื่นแสดงโทษที่ล่วงเกินก็รับตามวิธีที่ชอบ บุคคลประกอบ
ด้วยธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบเถิดว่า เป็นบัณฑิต.
จบอัจจยสูตรที่ 4

อรรถกถาอัจจยสูตร



พึงทราบวินิจฉัย ในอัจจยสูตรที่ 4 ดังต่อไปนี้:-
บทว่า อจฺจยํ อจฺจยโต น ปสฺสติ ความว่า คนพาลย่อมไม่
เห็นความผิดของตนว่า เป็นความผิด. บทว่า อจฺจยโต ทิสฺวา ยถาธมฺมํ
น ปฏิกโรติ
ความว่า คนพาลแม้ทราบแล้วว่า เราทำผิด ก็ไม่ยอมทำตามธรรม
คือรับทัณฑกรรมมาแล้ว ก็ไม่ยอมแสดงโทษ คือไม่ยอมขอโทษคนอื่น.* บท
ว่า อจฺจยํ เทเสนฺตสฺส ยถาธมฺมํ ปฏิคฺคณฺหาติ ความว่า เมื่อคน
อื่นทราบว่า เราทำผิด รับทัณฑกรรมมาแล้วให้ขอขมา คนพาลก็จะไม่ยอม
ยกโทษให้.
ธรรมฝ่ายขาว ( ของบัณฑิต ) พึงทราบโดยนัยที่ตรงกันข้ามกับที่กล่าว
แล้ว.
จบอรรถกถาอัจจยสูตรที่
* ปาฐะว่า อจฺจยํ น เทเสติ ฉบับพม่าเป็น อจฺจยํ น เทเสติ นกฺขมาเปติ แปลตามฉบับพม่า