เมนู

3. สังขารสูตร



ว่าด้วยกรรมและผลแห่งกรรม



[462] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล 3 จำพวกนี้ มีอยู่ในโลก
บุคคล 3 จำพวกไหนบ้าง บุคคลลางจำพวกในโลกนี้ ปรุงกายสังขาร...
วจีสังขาร ... มโนสังขาร อันประกอบด้วยความเบียดเบียน1 บุคคลนั้นครั้น
ปรุงกายสังขาร ... วจีสังขาร ... มโนสังขาร อันประกอบด้วยความเบียดเบียน
แล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันประกอบด้วยความเบียดเบียน ผัสสะทั้งหลายที่
ประกอบด้วยความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องบุคคลผู้เข้าถึงโลกอันประกอบด้วย
ความเบียดเบียนนั้น บุคคลนั้นอันผัสสะทั้งหลายที่ประกอบด้วยความเบียดเบียน
ถูกต้องอยู่ ย่อมได้เสวยเวทนาที่ประกอบด้วยความเบียดเบียนคือเป็นทุกข์
ส่วนเดียว เหมือนเช่นพวกสัตว์นรกฉะนั้น.
อนึ่ง บุคคลลางพวก ปรุงกายสังขาร ... วจีสังขาร ... มโนสังขาร
อันไม่มีความเบียดเบียน บุคคลนั้นครั้นปรุงกายสังขาร ... วจีสังขาร ...
มโนสังขารอัน ไม่มีความเบียดเบียนแล้ว ย่อมเข้าถึงโลกอันไม่มีความเบียดเบียน
ผัสสะทั้งหลาย อันไม่มีความเบียดเบียน ย่อมถูกต้องบุคคลผู้เข้าถึงโลกอัน
1. กายสังขาร แปลว่า เครื่องปรุงแต่งกาย วจีสังขาร เครื่องปรุงแต่งวาจา มโนสังขาร
เครื่องปรุงแต่งใจ ในที่อื่นโดยมาก กายสังขาร ท่านหมายเอาลมหายใจ เพราะลมหายใจ
ปรนปรือกายให้เป็นไป วจีสังขาร หมายเอาวิตกวิจาร เพราะคนเราตรึกตรองก่อนแล้วจึงพูด
มโนสังขาร หมายเอาสัญญาเวทนา เพราะใจจะเป็นกุศลอกุศลก็ด้วยสัญญากับเวทนาปรุงให้
เป็นไป แต่ในที่นี้พระอรรถกถาอธิบายว่า กองเจตนาที่เป็นไปในทวารนั้น ๆ เรียกว่าสังขาร
ที่เป็นไปทางกายเรียกกายสังขาร ฯลฯ แต่คงหมายความว่า ประพฤติทุจริตนั่นเอง เพราะทุจริต
เป็นเรื่องความเบียดเบียนทั้งนั้น