เมนู

กุสินาวรรคที่ 3



1. กุสินารสูตร



ว่าด้วยบิณฑบาตที่มีผลมาก



[563] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับ ณ ราวป่า
ชื่อพลิหรณะ ใกล้พระนครกุสินารา ฯลฯ ตรัสพระธรรมเทศนาว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เข้าไปอาศัยหมู่บ้าน
หรือตำบลแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีเข้าไปหาภิกษุนั้น
นิมนต์รับอาหารเช้า ภิกษุจำนงอยู่รับนิมนต์ เมื่อล่วงราตรีนั้น เวลาเช้าเธอ
ครองสบงแล้ว ถือบาตรและจีวรไปเรือนของคฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีนั้น
ถึงแล้วนั่ง ณ อาสนะที่เขาจัดไว้ คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดี อังคาสเธอด้วย
ขาทนียะ (ของเคี้ยว) โภชนียะ (ของกิน) อันประณีตด้วยมือตน จนอิ่มหนำ
พอเพียง เธอนึกชมว่า ดีจริง คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีผู้นี้ เลี้ยงเราด้วย
ขาทนียะโภชนียะอันประณีต ด้วยมือตน จนอิ่มหนำพอเพียง นึกหวังต่อไปว่า
โอหนอ คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีนี้ แม้ต่อไปพึงเลี้ยงเราด้วยขาทนียะโภชนียะ
อันประณีตอย่างนี้ ด้วยมือตน จนอิ่มหนำพอเพียงเถิด เธอติดใจหมกมุ่นพัวพัน
ไม่เห็นส่วนที่เป็นโทษ ไม่มีปัญญาสลัดออก ฉันบิณฑบาตนั้น เธอตรึกกามวิตก
บ้าง ตรึกพยาบาทวิตกบ้าง ตรึกวิหิงสาวิตกบ้าง ณ อาสนะที่นั่งฉันนั้น
ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ให้แก่ภิกษุชนิดนี้ เราหากล่าวว่ามีผลมากไม่ เพราะเหตุ
อะไร เพราะภิกษุเป็นผู้มัวเมาอยู่

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เข้าไปอาศัยหมู่บ้าน
หรือตำบลแห่งใดแห่งหนึ่งอยู่ คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีเข้าไปหาภิกษุนั้น
นิมนต์รับอาหารเช้า ฯลฯ คฤหบดีหรือบุตรคฤหบดีนั้นอังคาสเธอด้วยขาทนียะ
โภชนียะอันประณีต ด้วยมือตน จนอิ่มหนำพอเพียง เธอไม่นึกชมว่า ดีจริง
ฯลฯ จนอิ่มหนำพอเพียง ไม่นึกหวังต่อไปว่า โอหนอ ฯลฯ จนอิ่มหนำ พอ
เพียงเถิด เธอไม่ติดใจหมกมุ่นพัวพัน เห็นส่วนที่เป็นโทษ มีปัญญาสลัดออกได้
ฉันบิณฑบาตนั้น เธอตรึกเนกขัมมวิตก (ตรึกในทางพรากจากกาม) บ้าง
อพยาบาทวิตก (ตรึกในทางไม่พยาบาท) บ้าง อวิหิงสาวิตก (ตรึกในทางไม่
เบียดเบียน) บ้าง ณ อาสนะที่นั่งฉันนั้น ภิกษุทั้งหลาย ทานที่ให้แก่ภิกษุ
เช่นนี้ เรากล่าวว่ามีผลมาก เพราะเหตุอะไร เพราะภิกษุเป็นผู้ไม่มัวเมาอยู่.
จบกุสินารสูตรที่ 1

กุสินารวรรควรรณนาที่ 3



อรรถกถากุสินารสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในกุสินารสูตรที่ 1 แห่งวรรคที่ 3 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า กุสินารยํ ได้แก่ในพระนครที่มีชื่ออย่างนี้. บทว่า พลิหร-
เณ วนสณฺเฑ
ได้แก่ในไพรสณฑ์ที่มีชื่ออย่างนี้. ได้ยินว่า คนทั้งหลายนำ
พลีกรรมไป เพื่อทำพลีกรรมแก่ภูตที่ไพรสณฑ์นั้น เพราะฉะนั้นไพรสณฑ์นั้น
ชนทั้งหลายจึงเรียกว่า พลิหรณะ. บทว่า อากงฺขมาโน ได้แก่ปรารถนาอยู่.
บทว่า สหตฺถา ได้แก่ ด้วยมือของตน. บทว่า สมฺปวาเรติ ความว่า
ห้ามด้วยวาจาว่า พอแล้ว พอแล้ว และด้วยการไหวมือ.