เมนู

ฉันนั้นเหมือนกัน ภิกษุทั้งหลาย บาปกรรมแม้ประมาณน้อย บุคคล
ลางคนทำแล้ว บาปกรรมนั้นนำเขาไปนรกได้ ส่วนบาปกรรมประมาณน้อย
อย่างเดียวกันนั้น ลางคนทำแล้ว กรรมนั้นเป็นทิฏฐธรรมเวทนียกรรม ไม่
ปรากฏผลมากต่อไปเลย. . .
ภิกษุทั้งหลาย ใครกล่าวว่า คนทำกรรมอย่างใด ๆ ย่อมเสวยกรรม
นั้นอย่างนั้นๆ ดังนี้ เมื่อเป็นอย่างนั้น ๆ การอยู่ประพฤติพรหมจรรย์ย่อมมีไม่ได้
ช่องทางที่จะทำที่สุดทุกข์โดยชอบก็ไม่ปรากฏ ส่วนใครกล่าวว่า คนทำกรรม
อันจะพึงให้ผลอย่างใด ๆ ย่อมเสวยผลของกรรมนั้นอย่างนั้น ๆ ดังนี้ เมื่อเป็น
อย่างนี้ การอยู่พระพฤติพรหมจรรย์ย่อมมีได้ ช่องทางที่จะทำที่สุดทุกข์โดยชอบ
ก็ย่อมปรากฏ.
จบโลณกสูตรที่ 9

อรรถกถาโลณกสูตร


พึงทราบวินิจฉัยในโลณกสูตรที่ 9 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า ยถา ยถายํ ตัดบทเป็น ยถา ยถา อยํ. บทว่า ตถา
ตถา ตํ
ได้แก่ ตถา ตถา ตํ กมฺมํ. มีคำอธิบายดังนี้ว่า ผู้ใดพึงกล่าว
ไว้อย่างนี้ว่า บุคคลทำกรรมไว้โดยประการใด ๆ ก็จะเสวยวิบาก (ผล) ของ
กรรมนั้นโดยประการนั้นๆ เพราะว่าใครๆไม่สามารถที่จะไม่เสวยวิบากของกรรม
ที่ทำไว้แล้ว เพราะฉะนั้น บุคคลทำกรรมไว้เท่าใด ก็จะเสวยวิบากของกรรม
เท่านั้นทีเดียว. บทว่า เอวํ สนฺตํ คือ เอวํ สนฺเต แปลว่า เมื่อเป็น
อย่างนี้. บทว่า พฺรหฺมจริยวาโส น โหติ ความว่า อุปปัชชเวทนียกรรมใด