เมนู

10. จูฬนีสูตร



ว่าด้วยแสนโกฏิจักรวาล



[520] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ฯลฯ กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อนี้ ข้าพระพุทธเจ้าได้สดับได้
รับมาต่อพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า อานนท์ สาวกชื่ออภิภู ของพระ-
สิขีพุทธเจ้า ยืนอยู่บนพรหมโลก ย่อมให้ 1,000 โลกธาตุได้ยินเสียงได้ ดังนี้
ก็พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธะ ทรงสามารถตรัสให้
โลกธาตุได้ยินพระสุรเสียงได้เท่าไร.
พ. พระอภิภูนั้นเป็นสาวก อานนท์ พระตถาคตทั้งหลาย ใครจะ
เปรียบประมาณมิได้.
ท่านพระอานนท์กราบทูลครั้งที่ 2 เหมือนครั้งแรก พระองค์ก็คงตรัส
ตอบอย่างนั้น ท่านพระอานนท์กราบทูลอย่างนั้นอีกเป็นครั้งที่ 3 พระองค์จึงตรัส
ถามว่า เธอเคยได้ฟังหรือไม่ อานนท์ สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ (โลกธาตุ
น้อย 1,000).
ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นกาละ ข้าแต่พระสุคตเจ้า เป็นกาละ
ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้าจะพึงตรัส ภิกษุทั้งหลายได้ฟังจากพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้วจักทรงจำไว้.
ถ้าเช่นนั้น เธอจงพึงทำในใจให้ดี เราจักกล่าว.
ท่านพระอานนท์รับพระพุทธพจน์แล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
(เรื่องโลกธาตุ) ว่า อานนท์ ดวงจันทร์และดวงอาทิตย์แผ่รัศมี ส่องแสงทำ
ให้สว่างไปทั่วทิศตลอดที่มีประมาณเท่าใด โลกมีเนื้อที่เท่านั้นจำนวน 1,000

ใน 1,000 โลกนั้น มีดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ภูเขาสิเนรุ อย่างละ 1,000
มีชมพูทวีป อปรโคยานทวีป อุตตรกุรุทวีป ปุพพวิเทหทวีปอย่างละ 1,000
มีมหาสมุทร มีมหาราช อย่างละ 4,000 มีสวรรค์ 6 ชั้น และพรหมโลก
ชั้นละ 1,000 นี้เรียกว่า สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุ (โลกธาตุอย่างเล็กมีพัน
จักรวาล).
สหัสสีจูฬนิกาโลกธาตุเท่าใด โลกเท่านั้นคูณโดยส่วน 1,000
นี้เรียกว่า ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุ (โลกธาตุกลางมีล้านจักรวาล).
ทวิสหัสสีมัชฌิมิกาโลกธาตุเท่าใด โลกเท่านั้นคูณโดยส่วน 1,000
นี้เรียกว่า ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ (โลกธาตุใหญ่มีแสนโกฏิจักรวาล).
อานนท์ ตถาคตเมื่อมีความจำนง จะพูดให้ติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ *
ได้ยินเสียงได้ หรือจำนงเท่าใดก็ได้.
อา. ...ด้วยวิธีอย่างไร พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ตถาคตอยู่ในที่นี้ จะพึงแผ่รัศมีไปทั่วติสหัสสีมหาสหัสสีโลกธาตุ
พอสัตว์ทั้งหลาย (ในโลกธาตุ) เหล่านั้นรู้จักแสงสว่างนั้น ตถาคตก็บันลือเสียง
ให้สัตว์เหล่านั้นได้ยิน . . .ด้วยวิธีอย่างนี้แล อานนท์.
พอจบพระกระแสพุทธดำรัส ท่านพระอานนท์อุทานออกมาว่า เป็นลาภ
ของเราหนอ เราได้ดีหนอ ซึ่งเราได้พระศาสดามีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพ
ใหญ่อย่างนี้.
พระอุทายีกล่าวขัดขึ้นว่า ท่านได้ประโยชน์อะไรในเรื่องนี้ อาวุโส
อานนท์ หากว่าพระศาสดาของท่านมีฤทธิ์มากมีอานุภาพใหญ่อย่างนั้น.
* คำว่า โลก ก็ดี โลกธาตุ ก็ดี ในที่นี้ ท่านหมายความเป็นอันเดียวกันกับคำว่า จักรวาล

พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสกะพระอุทายีว่า อย่าพูดเช่นนั้น อุทายี
ถ้าอานนท์จะพึงเป็นผู้ยังไม่สิ้นราคะอย่างนี้มรณภาพไป ด้วยความที่จิตเลื่อมใส
นั้น เธอจะพึงได้เป็นเทวราชาในเทวโลก 7 ชาติ เป็นมหาราชาในชมพูทวีป
นี้ 7 ชาติ แต่แท้นั้น อานนท์จักปรินิพพานในชาติปัจจุบันนี้.
จบจูฬนีสูตรที่ 10
จบอานันทวรรคที่ 3


อรรถกถาจูฬนีสูตร



ในสูตรที่ 10 มีข้อความที่ยกขึ้นไว้ 2 อย่าง คือ การยกข้อความที่
เกี่ยวกับเหตุเกิดของเรื่อง 1 ที่เกี่ยวกับอำนาจการถาม 1. ถ้าจะมีคำถามว่า
ในการเกิดขึ้นแห่งข้อความอย่างไหน พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบคำถามของ
ใคร. ตอบว่า ในการเกิดขึ้นแห่งข้อความของอรุณวดีสูตร พระผู้มีพระภาคเจ้า
ตรัสตอบคำถามของพระอานนทเถระเจ้า. ถามว่า อรุณวดีสูตร ใครกล่าวไว้.
ตอบว่า พระพุทธเจ้า 2 พระองค์ คือ พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงพระนามว่าสิขี
และพระศาสดาของเราตรัสไว้.

การอุบัติแห่งอรุณวดีสูตรสมัยพระสิขีพุทธเจ้า



ขยายความว่า นับแต่กัปนี้ถอยหลังไป ในกัปที่ 31 ที่อรุณวดีนคร พระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าพระนามว่า สิขี ทรงถือปฏิสนธิในคัพโภทรของพระมเหสี พระ-
นามว่า ปภาวดี ของพระเจ้าอรุณวัต เมื่อพระญาณแก่กล้าแล้ว เสด็จออก