เมนู

อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณ
ชื่อว่าเป็นพืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว
เพราะธาตุอย่างกลางของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหาเป็น
เครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูก่อนอานนท์
ก็กรรมที่อำนวยผลให้อรูปธาตุจักไม่มีแล้ว อรูปภพพึงปรากฏบ้างหรือหนอ.
อา. ไม่พึงปรากฏเลย พระเจ้าข้า.
พ. ดูก่อนอานนท์ เหตุนี้แล กรรมจึงชื่อว่าเป็นไร่นา วิญญาณ
ชื่อว่าเป็นพืช ตัณหาชื่อว่าเป็นยาง เจตนา ความปรารถนาประดิษฐานแล้ว
เพราะธาตุอย่างประณีตของสัตว์พวกที่มีอวิชชาเป็นเครื่องสกัดกั้น มีตัณหา
เป็นเครื่องผูกใจ ด้วยประการฉะนี้ จึงมีการเกิดในภพใหม่ต่อไปอีก ดูก่อน
อานนท์ ภพย่อมมีได้ด้วยเหตุดังกล่าวมาฉะนี้แล.
จบภวสูตรที่ 7

อรรถกถาภวสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในภวสูตรที่ 7 ดังต่อไปนี้ :-
เจตนาเป็นเหตุทำกรรม ชื่อว่า เจตนา. ความปรารถนาที่จะทำ
กรรม ชื่อว่า ความปรารถนา. คำที่เหลือมีเนื้อความเช่นเดียวกับสูตรก่อน
ทั้งนั้นฉะนี้แล.
จบอรรถกถาภวสูตรที่ 7

8. สีลัพพตสูตร



ว่าด้วยผลแห่งศีลพรต



[518] ครั้งนั้น ท่านพระอานนท์เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ
ตรัสถามท่านพระอานนท์ว่า อานนท์ ศีลพรต ชีวิต พรหมจรรย์ ที่ปฏิบัติ
บำรุงกันเป็นหลักฐาน มีผลไปทั้งหมดหรือ.
อา. ข้อนี้ จะพยากรณ์โดยส่วนเดียวมิได้ พระพุทธเจ้าข้า.
พ. ถ้าเช่นนั้น จงจำแนกไป.
อา. บุคคลเสพ (คือประพฤติให้เป็นไป) ซึ่งศีลพรต ชีวิต พรหมจรรย์
ที่ปฏิบัติบำรุงกันเป็นหลักฐานอันใด อกุศลธรรมเจริญ กุศลธรรมเสื่อม
ศีลพรต ชีวิต พรหมจรรย์ ที่ปฏิบัติบำรุงกันเป็นหลักฐานอย่างนี้ เป็นการ
ไม่มีผล ส่วนว่าบุคคลเสพศีลพรต ชีวิต พรหมจรรย์ ที่ปฏิบัติบำรุงกันเป็น
หลักฐานอันใด อกุศลธรรมเสื่อม กุศลธรรมเจริญ ศีลพรต ชีวิต พรหม-
จรรย์ ที่ปฏิบัติบำรุงกันเป็นหลักฐานอย่างนี้ เป็นการมีผล พระพุทธเจ้าข้า.
ท่านพระอานนท์กราบทูลตอบอย่างนี้ พระศาสดาทรงพอพระหฤทัย
ทราบว่าทรงพอพระหฤทัยแล้ว ท่านพระอานนท์ก็ลุกจากที่นั่งถวายอภิวาท ทำ
ประทักษิณแล้วออกไป พอท่านพระอานนท์ออกไปไม่นาน ตรัสเรียกภิกษุ
ทั้งหลายมา (ทรงชมท่านพระอานนท์) ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อานนท์ยังเป็น
พระเสขะว่าในทางปัญญาละก็หาผู้เสมอได้ยาก.
จบสีลัพพตสูตรที่ 8