เมนู

อรรถกถาอังคุตตรนิกาย ชื่อ มโนรถปูรณี



ติกนิปาตวรรณนา



พาลวรรควรรณนาที่ 1



อรรถกถาภยสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในภยสูตรที่ 1 แห่งติกนิบาต ดังต่อไปนี้ :-
ในบทว่า ภยานิ เป็นต้น ความที่จิตสะดุ้งกลัว ชื่อว่า ภัย. อาการ
ที่จิตไม่เป็นสมาธิ ชื่อว่า อุปัทวะ. อาการที่จิตติดขัด คืออาการที่จิตข้องอยู่
ในอารมณ์นั้น ๆ ชื่อว่า อุปสรรค.
พึงทราบความแตกต่างกันแห่งภัย อุปัทวะ และอุปสรรคเหล่านั้น
ดังต่อไปนี้
พวกโจรอาศัยอยู่ตามภูเขา และถิ่นทุรกันดาร ส่งข่าวไปถึงชาวชนบท
ว่า พวกเราจักเข้าปล้นหมู่บ้านของพวกท่านในวันโน้น ตั้งแต่เวลาที่ได้สดับ
ข่าวนั้น ชาวชนบทเหล่านั้นก็พากันหวาดกลัว. อาการอย่างนี้ ชื่อว่า อาการ
ที่จิตสะดุ้งกลัว.
ชาวชนบทก็พากันคิดว่า ทำอย่างไรดีเล่า พวกโจรโกรธพวกเราแล้ว
จะพึงนำความฉิบหายมาให้เราเป็นแน่ ดังนี้แล้ว ฉวยคว้าทรัพย์สมบัติที่พอ
หยิบฉวยติดมือไปได้ เข้าป่าพร้อมกับฝูงสัตว์ทวิบทจตุบาท นอนตามพื้นดิน
อยู่ในป่านั้น ๆ ถูกแมลงมีเหลือบและยุงเป็นต้นกัด ก็พากันหลบเข้าไปยัง
ระหว่างพุ่มไม้ เหยียบตอไม้และหนาม. ความฟุ้งซ่านของชาวชนบทเหล่านั้น
ผู้ท่องเที่ยวไปอยู่อย่างนั้น ชื่อว่า อาการที่จิตไม่เป็นสมาธิ.

หลังจากนั้น เมื่อพวกโจรไม่มาตามวันที่ได้บอกไว้ ชาวชนบทก็คิด
กันว่า ชะรอยจักเป็นข่าวลวง พวกเราจักกลับเข้าหมู่บ้าน ดังนี้แล้ว พากัน
ขนข้าวของกลับเข้าหมู่บ้าน. ครั้งนั้น พวกโจรทราบว่า ชาวชนบทเหล่านั้น
พากันกลับเข้าหมู่บ้านแล้ว จึงพากันมาล้อมหมู่บ้านไว้ จุดไฟเผาที่ประตู
สังหารผู้คนจำนวนมาก ปล้นเอาทรัพย์สมบัติทั้งหมดไป. บรรดาชาวชนบท
เหล่านั้น พวกที่เหลือจากถูกโจรสังหาร ก็พากันดับไฟ แล้วนั่งจับเจ่าอยู่ใน
ที่นั้น ๆ มีร่มเงาซุ้มประตู และเงาฝาเรือนเป็นต้น หวนโศกเศร้าถึงสิ่งที่
สูญเสียไป. อาการที่จิตข้องอยู่อย่างนี้ ชื่อว่า อาการที่จิตเกี่ยวข้องอยู่ใน
อารมณ์นั้น.
บทว่า นฬาคารา ได้แก่ เรือนที่มุงและบังด้วยไม้อ้อ ส่วนเครื่อง
เรือนที่เหลือในเรือนไม้อ้อนี้ ทำจากไม้. แม้ในเรือนหญ้าก็มีนัย นี้แล. บทว่า
กูฏาคารานิ ได้แก่ เรือนที่ยกยอด. บทว่า อุลฺลิตฺตาวลิตฺตานิ ได้แก่
ฉาบทั้งข้างในและข้างนอก. บทว่า นิวาตานิ ได้แก่ ลมเข้าไปไม่ได้. บทว่า
ผุสิตคฺคฬานิ ได้แก่ บานประตูที่ติดเข้าสนิทที่กรอบเช็ดหน้า เพราะเป็น
ของที่นายช่างผู้ฉลาดทำไว้. บทว่า ปิหิตกวาฏานิ ได้แก่ ติดบานประตูแล้ว.
ด้วยสองบทนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า มิได้ตรัสหมายถึงบานประตูและหน้าต่าง
ที่ปิดไว้ประจำ แต่ตรัสคุณสมบัติเท่านั้น. ก็บานประตูและหน้าต่างเหล่านั้น
ย่อมปิดและเปิดได้ทุกขณะที่ต้องการ.
บทว่า พาลโต อุปฺปชฺชนฺติ ความว่า อุปสรรคทั้งหลายย่อมเกิดขึ้น
เพราะอาศัยคนพาลทั้งนั้น. เป็นความจริง คนที่ไม่เป็นบัณฑิตเป็นพาล เมื่อ
ปรารถนาความเป็นพระราชา ความเป็นอุปราช หรือปรารถนาตำแหน่งใหญ่
อย่างอื่น ก็จะชักชวนเอาลูกกำพร้าพ่อ ผู้โง่เง่าเหมือนตน จำนวนเล็กน้อย
แล้วเกลี้ยกล่อมว่า มาเถิดเธอทั้งหลาย ฉันจักทำพวกเธอให้เป็นใหญ่ ซ่องสุม

อยู่ตามภูเขาและป่าทึบเป็นต้น แล้วบุกเข้าที่หมู่บ้านแถวชายแดน ทำหมู่บ้าน
ให้เสียหายแล้ว ตีทั้งนิคม ทั้งชนบทตามลำดับ.
ผู้คนปรารถนาสถานที่ ๆ ปลอดภัย จึงพากันทิ้งบ้านเรือนหลีกหนีไป.
ทั้งภิกษุ ภิกษุณี ที่อาศัยคนเหล่านั้นอยู่ ก็พากันละทิ้งสถานที่อยู่ของตน ๆ
หลีกไป. ในสถานที่ที่ท่านเหล่านั้นไปแล้ว ทั้งภิกษา ทั้งเสนาสนะก็หาได้ยาก.
ภัยย่อมมาถึงบริษัททั้ง 4 อย่างนี้แล.
แม้ในบรรพชิตทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นพาล 2 รูป วิวาทกันแล้วต่างเริ่ม
โจทกันและกัน จึงเกิดความวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้น เหมือนพวกภิกษุชาวเมือง
โกสัมพี ฉะนั้น. ภัยย่อมมาถึงบริษัท 4 เหมือนกัน ก็ภัยเหล่าใดเกิดขึ้น
ดังว่ามานี้ ภัยเหล่านั้นทั้งหมด ย่อมเกิดขึ้นมาจากคนพาล พระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงยังเทศนาให้จบลงตามอนุสนธิ ดังว่ามานี้แล.
จบอรรถกถาภยสูตรที่ 1

2. ลักขณสูตร



ว่าด้วยลักษณะของพาลและบัณฑิต



[441] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนพาลมีกรรมเป็นลักษณะ บัณฑิตก็มี
กรรมเป็นลักษณะ ปัญญาปรากฏในอปทาน (ความประพฤติ)
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการ พึงทราบได้
ว่าเป็นคนพาล ธรรม 3 ประการคืออะไรบ้าง คือ กายทุจริต วจีทุจริต
มโนทุจริต ผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบเถิดว่า เป็นพาล