เมนู

รถการวรรควรรณนาที่ 2



อรรถกถาญาตกสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในญาตกสูตร แห่งรถการวรรคที่ 2 ดังต่อไปนี้:-

กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม


บทว่า ญาตโก ได้แก่ ภิกษุผู้มีชื่อเสียง คือ ประชาชนรู้จักกันทั่ว
แล้ว ได้แก่ ปรากฏแล้ว. บทว่า อนนุโลมิเก ความว่า กายกรรม ชื่อ
ว่า อนนุโลมิกะ เพราะหมายความว่า ไม่เหมาะสมแก่ศาสนา. ในกายกรรม
อันไม่เหมาะสมนั้น. บทว่า กายกมฺเม ได้แก่ ในกายทุจริต มีปาณาติบาต
เป็นต้น.
อีกอย่างหนึ่ง กายทุจริตนั้นเป็นของหยาบ แก่ภิกษุสามารถจะชักชวน
ให้สมาทาน ในกายทุจริตเป็นต้นนี้ได้ คือชักชวนให้สมาทานคือให้ยึดถือใน
กรรมเห็นปานนี้ว่า การนอบน้อมทิศทั้งหลายสมควร การทำพลีกรรมให้ภูต
ย่อมควร แม้ในวจีกรรม มุสาวาทเป็นต้น เป็นของหยาบ แต่ภิกษุนั้น จะ
ชักชวนให้สมาทานในวจีกรรมเห็นปานนี้ ว่า ขึ้นชื่อว่า การพูดเท็จแก่คนโง่
นี้ว่าไม่มี เพราะไม่ประสงค์จะให้* ของ ๆ ตนแก่ผู้อื่น ก็ควรพูดได้. แม้ใน
มโนกรรม อภิชฌาเป็นต้นก็เป็นของหยาบ แต่ภิกษุเมื่อบอกกัมมัฏฐานผิด
พลาดไป ก็ไม่ชื่อว่าชักชวนให้สมาทานในมโนกรรมอันสมควร เหมือนพระ-
เถระชาวทักษิณวิหาร ฉะนั้น.
* ปาฐะว่า อทาตุกาโม ฉบับพม่าเป็น อทาตุกาเมน แปลตามฉบับพม่า

พระเถระชาวทักษิณวิหาร


เล่ากันมาว่า บุตรขุนนางคนหนึ่งเข้าไปหาพระเถระนั้นแล้วถามว่า
บุคคลเมื่อจะเจริญเมตตา ควรเจริญเมตตาในบุคคลเช่นไรก่อน. พระเถระไม่
ยอมบอกถึงบุคคลผู้เป็นสภาคและวิสภาคกัน แต่กลับบอกว่าในบุคคลผู้เป็น
ที่รัก. บุตรขุนนางนั้น มีภรรยาเป็นที่รักใคร่. เขาจึงแผ่เมตตาไปหานาง
พลางถึงความคลุ้มคลั่ง.
ถามว่า ก็ภิกษุ ผู้บอกกัมมัฏฐาน นี้ เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อมิใช่ประโยชน์
เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมากอย่างไร.
ตอบว่า ก็เพราะ บริวารชนของภิกษุเห็นปานนี้มีสัทธิวิหาริกเป็น
ต้น และมีอุปัฏฐากเป็นต้น รวมทั้งเทวดาที่เหลือ ผู้เป็นมิตรของเทวดาเหล่า
นั้น ๆ เริ่มต้นตั้งแต่อารักขเทวดาของบริวารชนเหล่านั้นจนกระทั่งถึงพรหมโลก
ต่างจะพากันทำตามที่ภิกษุนั้นทำแล้วเทียว ด้วยคิดว่า ภิกษุนี้ไม่รู้แล้วจักไม่
ทำ ภิกษุนี้ชื่อว่าเป็นผู้ปฏิบัติเพื่อมิใช่ประโยชน์เกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก ด้วย
ประการดังพรรณนามาฉะนี้.
ในธรรมฝ่ายขาว พึงทราบกายกรรมและวจีกรรม ด้วยสามารถแห่ง
เจตนาทั้งหลาย มีเจตนาเป็นเครื่องงดเว้น จากปาณาติบาตเป็นต้นนั่นแล. ฝ่าย
ภิกษุผู้บอกกัมมัฏฐานมิให้คลาดเคลื่อน ชื่อว่าสมาทานให้ดำรงอยู่ในธรรมที่
เหมาะสม เหมือนพระติสสเถระผู้ชำนาญใน 4 นิกาย ชาวโกลิตวิหารฉะนั้น.

พระติสสเถระ



เล่ากันว่า พระทัตตาภยเถระ ผู้เป็นพี่ชายคนโตของพระติสสเถระนั้น
อยู่ในเจติยวิหาร เมื่อโรคชนิดหนึ่งเกิดขึ้น ให้เรียกพระน้องชายมาแล้วบอก
ว่า คุณ คุณช่วยบอกกัมมัฏฐานสักข้อหนึ่งที่เบา ๆ แก่ผมทีเถิด.