เมนู

พระโพธิสัตว์แสดงศิลปะ



เมื่อสร้างปราสาทสำเร็จลงอย่างนี้แล้ว พระราชาทรงดำริว่า โอรส
ของเราเจริญวัยแล้ว เราจักให้ยกเศวตฉัตรขึ้นเพื่อเขา แล้วคอยดูสิริราชสมบัติ.
พระองค์จึงทรงส่งพระราชสาส์น ไปถึงเจ้าศากยะทั้งหลายว่า โอรสของหม่อม
ฉันเจริญวัยแล้ว หม่อมฉันจักสถาปนาเขาไว้ในราชสมบัติ ขอเจ้าศากยะทั้งปวง
จงส่งเจ้าหญิงผู้เจริญวัยในวังของตน ๆ ไปยังราชมณเฑียรนี้เถิด.
เจ้าศากยะเหล่านั้นได้สดับพระราชสาส์นแล้ว ต่างทรงดำริว่า พระ-
กุมารสมบูรณ์ด้วยพระรูปน่าทัศนาเท่านั้น (แต่ว่า) ไม่ทรงรู้ศิลปะอะไร ๆ เลย
จักไม่สามารถเลี้ยงดูพระวรชายาได้หรอก พวกเราจักไม่ยอมยกลูกสาวให้.
พระราชาทรงสดับข่าวนั้น แล้วได้เสด็จไปยังสำนักพระราชโอรส
แล้วตรัสบอก. พระโพธิสัตว์กราบทูลว่า ข้าแต่พระบิดา หม่อมฉันควรจะ
แสดงศิลปะอะไร
พระราชาตรัสว่า ลูกควรยกสหัสสถามธนู (ธนูที่หนักต้องใช้แรงคน
1,000) ขึ้นนะลูก. ถ้าอย่างนั้น ขอพระองค์จงทรงให้นำมา. พระราชารับสั่ง
ให้นำธนูมาให้พระราชโอรส. ธนูนั้นใช้คน 1,000 คนยกขึ้น ใช้คน 1,000
คนยกลง. พระมหาบุรุษให้นำธนูมาแล้ว ประทับนั่งบนบัลลังก์ ทรงเกี่ยว
สายไว้ที่พระปาทังคุฏฐะ (นิ้วโป้งพระบาท) แล้วดึงมา ทรงเอาพระปาทังคุฎฐะ
(นิ้วโป้งพระบาท) นั่นเองนำธนูมาแล้ว จับคันธนูด้วยพระหัตถ์ซ้าย ทรง
เหนี่ยวสายมาด้วยพระหัตถ์ขวา ทั่วทั้งพระนครถึงอาการตกตะลึง. และเมื่อมีใคร
ถามว่า เสียงอะไร ? เจ้าศากยะทั้งหลายก็ตอบกันว่า ฟ้าฝนคำราม. ทีนั้น
คนอีกพวกหนึ่งก็ตอบว่า พวกท่านไม่รู้หรือ ไม่ใช่ฟ้าฝนคำรามหรอก นั่นเป็น

เสียงปล่อยสายธนูของพระราชกุมาร เผ่าอังคีรสผู้ทรงยกธนูที่ต้องใช้แรงคนถึง
1,000 คน แล้วทรงขึ้นสาย. เจ้าศากยะทั้งหลาย ต่างก็มีพระทัยชื่นชมด้วยการ
แสดงศิลปะเพียงเท่านั้น.
พระมหาบุรุษกราบทูลพระราชบิดาว่า หม่อมฉันควรจะทำอะไร
อย่างอื่นอีกไหม ?
พระราชาตรัสตอบว่า ลูกควรเอาลูกศรยิงแผ่นเหล็กหนาประมาณ
8 นิ้วให้ทะลุ.
พระมหาบุรุษยิงทะลุแผ่นเหล็กนั้น แล้วกราบทูลว่า หม่อมฉันควรจะ
ทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?
พระราชาตรัสตอบว่า ลูกควรยิงแผ่นกระดานไม้ประดู่หนา 4 นิ้ว
ให้ทะลุ.
พระมหาบุรุษยิงทะลุแผ่นกระดานนั้น แล้วกราบทูลว่า หม่อมฉันควร
จะทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?
พระราชาตรัสตอบว่า ลูกควรยิงแผ่นกระดานไม้มะเดื่อหนา 1 คืบ
ให้ทะลุ.
พระมหาบุรุษยิงแผ่นกระดานไม้มะเดื่อนั้นแล้ว กราบทูลว่าหม่อมฉัน
ควรจะทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?
พระราชาตรัสตอบว่า ลูกควรยิงแผ่นกระดานที่ผูกติดไว้ที่เครื่องยนต์
100 แผ่นให้ทะลุ.
พระมหาบุรุษยิงทะลุแผ่นกระดาน 100 แผ่นนั้นแล้ว กราบทูลว่า
หม่อมฉันควรจะทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?
พระราชาตรัสตอบว่า ลูกควรยิงหนังกระบือแห้งหนา 60 ชั้นให้ทะลุ.
พระมหาบุรุษยิงทะลุหนังกระบือแห้งแม้นั้นแล้ว กราบทูลว่าหม่อมฉัน
ควรทำอะไรอย่างอื่นอีกไหม ?

ลำดับนั้น เจ้าศากยะทั้งหลาย ก็บอก (ให้ยิง) เกวียนบรรทุกทราย
เป็นต้น.
พระมหาสัตว์ยิงทะลุทั้งเกวียนบรรทุกทรายทั้งเกวียนบรรทุกฟางแล้ว
ยิงลูกศรลงไปในน้ำลึกประมาณ 1 อุสภะ (และ) ยิงขึ้นไปบนบกไกลประมาณ
8 อุสภะ.
ทีนั้น เจ้าศากยะทั้งหลาย ก็กราบทูลพระมหาสัตว์นั้นว่า บัดนี้
พระองค์ควรยิงขนทรายให้ทะลุ โดยมีมะเขือเป็นเครื่องหมาย.
พระมหาสัตว์ตรัสว่า ถ้าอย่างนั้น ท่านทั้งหลายจงให้ผูก (ขนทราย).
เจ้าศากยะทั้งหลายก็สั่งว่า พ่อทั้งหลาย พวกพ่อจงมาช่วยกันให้ผูก1
(ขนทราย) คือพวกหนึ่ง จงผูกไว้2ในระยะทางระหว่างเสียงกึกก้อง คือ
พวกหนึ่งจงเดินทางล่วงหน้าไป ผูกไว้3ในระยะทางคาวุตหนึ่ง พวกหนึ่งจงเดิน
ทางล่วงหน้าไป ผูกไว้ในระยะทางกึ่งโยชน์ พวกหนึ่งจงเดินทางล่วงหน้าไป
ผูกไว้4ในระยะทาง 1 โยชน์.
พระมหาสัตว์ให้ผูกขนทรายในระยะทางไกลประมาณ 1 โยชน์ โดยมี
มะเขือเป็นเครื่องหมาย แล้วยิงลูกศรไปในทิศทั้งหลาย ซึ่งหนาแน่นด้วยแผ่น
เมฆ ในยามราตรีที่มืดสนิท. ลูกศรวิ่งไปผ่าขนทรายในระยะทางไกลประมาณ
1 โยชน์ แล้ว (ตกลง) แทงทะลุแผ่นดินไป และไม่ใช่ว่ามีแต่ยิงลูกศรเพียง
เท่านี้ อย่างเดียวเท่านั้น.
ก็วันนั้น พระมหาสัตว์ทรงแสดงศิลปะที่มีอยู่ในโลกครบทุกชนิด.5
เจ้าศากยะทั้งหลาย ตกแต่งพระธิดาของตน ๆแล้ว ส่งไปถวาย. นางระบำได้มี
จำนวนถึง 40,000 นาง. พระมหาบุรุษประทับอยู่ในปราสาททั้ง 3 หลัง ดุจ
ดังเทพบุตร.
1. ปาฐะว่า วิชฺฌตุ ฉบันพม่าเป็น พชฺฌตุ แปลตามฉบับพม่า.
2. 3. 4. ปาฐะว่า วิชฺฌตุ ฉบับพม่าเป็น พนฺธนฺตุ แปลตามฉบับพม่า.
5. ปาฐะว่า โลเก วตฺตมานิ สิปฺปํ ฉบับพม่าเป็น โลเก วตฺตมานสิปฺปํ.

ในปราสาทไม่มีผู้ชายเลย


บทว่า นิปฺปุริเสหิ ตุริเยหิ ความว่า ดนตรีที่ปราศจากบุรุษ.
และในปราสาทนี้ ไม่ใช่ว่าการดนตรีเท่านั้นที่ไม่มีบุรุษ (เล่น) ก็หามิได้.
แม้ว่าสถานที่ทุกแห่งก็ไม่มีบุรุษประจำด้วยเหมือนกัน. แม้คนเฝ้าประตูก็เป็น
สตรีอีกเช่นกัน. พวกที่ทำงานในคราวถวายการสรงสนานเป็นต้น ก็เป็นสตรี
ด้วยเหมือนกัน
เล่ากันว่า พระราชาทรงดำริว่า ความรังเกียจ จะเกิดขึ้น แก่
ลูกชายของเราผู้เสวยสุขสมบัติจากอิสริยยศเห็นปานนั้นอยู่ เพราะได้เห็นบุรุษ
ขอความรังเกียจนั้นอย่าได้มีแก่ลูกของเราเลย ดังนี้แล้ว จึงทรงแต่งตั้งสตรีไว้
ในทุกหน้าที่. บทว่า ปริจารยมาโน ความว่า บันเทิงใจอยู่.

พระโพธิสัตว์มิได้เสด็จลงชั้นล่างเลย


บทว่า น เหฏฺฐาปาสาทํ โอโรหามิ ความว่า เราตถาคตมิได้
ลงจากปราสาทไปข้างล่างเลย เพราะเหตุนั้น บุรุษสักคนหนึ่ง (แม้กระทั่งเด็ก)
ไว้ผมจุกก็ไม่ได้เห็นเราตถาคตเลยตลอด 4 เดือน. บทว่า ยถา คือ โดย
นิยามใด. บทว่า ทาสกมฺมกรโปริสสฺส ได้แก่ ทาส กรรมกรที่ได้รับ
การเลี้ยงด้วยค่าอาหารประจำวัน และคนที่อาศัยอยู่กิน (ตลอดไป). บทว่า
กณาชกํ ได้แก่ข้าวปนปลายข้าว. บทว่า วิลงฺคทุติยํ ได้แก่ มีน้ำผักดอง
เป็นที่ 2. บทว่า เอวรูปาย อิทฺธิยา ได้แก่ ผู้ประกอบด้วยบุญฤทธิ์ มีกำเนิด
อย่างนี้. บทว่า เอวรูเปน จ สุขุมาเลน ได้แก่ และผู้ประกอบด้วยความ
เป็นผู้ไม่มีทุกข์มีกำเนิดอย่างนี้. ปาฐะเป็น สุขุมาเลน ดังนี้ก็มี.