เมนู

7. สาวัชชสูตร



ว่าด้วยธรรมที่บ่งบอกว่าเป็นพาลหรือบัณฑิต



[446] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
พึงทราบว่าเป็นคนพาล ธรรม 3 ประการเป็นไฉน คือ กายกรรมที่เป็น
โทษ 1 วจีกรรมที่เป็นโทษ 1 มโนกรรมที่เป็นโทษ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นคนพาล ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการ พึงทราบว่าเป็นบัณฑิต
ธรรม 3 ประการเป็นไฉน คือ กายกรรมที่ไม่เป็นโทษ 1 วจีกรรมที่ไม่
เป็นโทษ 1 มโนกรรมที่ไม่เป็นโทษ 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบ
ด้วยธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นบัณฑิต.
จบสาวัชชสูตรที่ 7

8. สัพยาปัชชสูตร



ว่าด้วยธรรมที่บ่งบอกว่าเป็นพาลหรือบัณฑิต



[447] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
พึงทราบว่าเป็นคนพาล ธรรม 3 ประการเป็นไฉน คือ กายกรรมที่เป็น
การเบียดเบียน 1 วจีกรรมที่เป็นการเบียดเบียน 1 มโนกรรมที่เป็นการ
เบียดเบียน 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
นี้แล พึงทราบว่าเป็นคนพาล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม

3 ประการ พึงทราบว่าเป็นบัณฑิต ธรรม 3 ประการเป็นไฉน คือ กายกรรม
ที่ไม่เป็นการเบียดเบียน 1 วจีกรรมที่ไม่เป็นการเบียดเบียน 1 มโนกรรมที่
ไม่เป็นการเบียดเบียน 1 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม
3 ประการนี้แล พึงทราบว่าเป็นบัณฑิต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะฉะนั้น
แหละ เธอทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
เหล่าใด อันเราพึงรู้ว่าเป็นคนพาล เราจักประพฤติเว้นธรรม 3 ประการนั้น
บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการเหล่าใด อันเขาพึงรู้ว่าเป็นบัณฑิต เรา
จักประพฤติสมาทานธรรม 3 ประการนั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย
พึงศึกษาอย่างนี้แล.
จบสัพยาปัชชสูตรที่ 8

9. ขตสูตร



ว่าด้วยการบริหารตนแบบพาลและบัณฑิต



[448] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
เป็นคนพาล ไม่ฉลาด เป็นอสัตบุรุษ ครองตนอันขาด (แก่นสาร) ถูก
ประหาร (เสียจากคุณธรรม) แล้วอยู่ เป็นคนประกอบด้วยโทษ ผู้รู้ติเตียน
และได้ประสบสิ่งอันไม่เป็นบุญมากด้วย ธรรม 3 ประการคืออะไรบ้าง คือ
กายทุจริต วจีทุจริต มโนทุจริต บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการนี้แล
เป็นคนพาล ฯลฯ