เมนู

อรรถกถาอโยนิโสสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอโยนิโสสูตรที่ 5 ดังต่อไปนี้:-
บทว่า อโยนิโส ปญฺหํ กตฺตา โหติ ความว่า คนพาลย่อมทำ
สิ่งที่ไม่เป็นปัญหานั่นแลให้เป็นปัญหา เพราะคิดไม่ถูกวิธี เหมือนพระโลฬุ-
ทายีเถระ เมื่อถูกถามว่า อุทายี ที่ตั้งของอนุสติมีเท่าไรหนอแล ก็คิดว่า
ขันธ์ที่เคยอาศัยอยู่ในภพก่อน จักเป็นที่ตั้งของอนุสติ ดังนี้แล้ว ทำสิ่งที่ไม่
เป็นปัญหาให้เป็นปัญหาฉะนั้น.
บทว่า อโยนิโส ปญฺหํ วิสชฺเชตา โหติ ความว่า ก็คนพาล
แม้เมื่อจะวิสัชนาปัญหาที่คิดได้อย่างนี้* ก็กลับวิสัชนาโดยไม่แยบคาย คล้าย
พระเถระนั้นนั่นแล โดยนัยมีอาทิว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุในธรรม-
วินัยนี้ ย่อมระลึกถึงขันธ์ที่อาศัยอยู่ในภพก่อนได้มากมาย คือ ระลึกได้ชาติ
หนึ่งบ้าง คือย่อมกล่าวสิ่งที่ไม่เป็นปัญหานั่นแล ว่าเป็นปัญหา.
ในบทว่า ปริมณฺฑเลหิ ปทพฺยญฺชเนหิ นี้ พึงทราบวินิจฉัยดัง
ต่อไปนี้
บทนั่นแล ชื่อว่า บทพยัญชนะ เพราะทำความหมายให้ปรากฏ บท
พยัญชนะนั้นที่กล่าวทำอักษรให้บริบูรณ์ ไม่ให้เสียความหมายของพยัญชนะ
10 อย่าง ชื่อว่า เป็นปริมณฑล (กลมกลืน). อธิบายว่า ด้วยบทพยัญชนะ
เห็นปานนี้.
บทว่า สิลิฏฺเฐหิ ได้แก่ ที่ชื่อว่า สละสลวย เพราะมีบทอันสละสลวย.
บทว่า อุปคเตหิ ได้แก่ เข้าถึงผลและเหตุ.
* ปาฐะว่า จินฺติตํ ปุน ฉบับพม่าเป็น เอวํ จินฺติตํ ปน แปลตามฉบับพม่า

บทว่า นาพฺภนุโมทิตา* ความว่า คนพาลย่อมไม่อนุโมทนา คือ
ไม่ยินดีปัญหาของบุคคลอื่นที่วิสัชนาโดยแยบคายอย่างนี้ คือ ที่วิสัชนาทำให้
สมบูรณ์ ด้วยอาการทุกอย่าง. เหมือนพระโลฬุทายีเถระ ไม่อนุโมทนาปัญหา
ของพระสารีบุตร ฉะนั้น. เหมือนอย่างที่ท่านกล่าวไว้ว่า
อาวุโสสารีบุตร ไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาสเลยที่พระอนาคามีนั้น
ล่วงเลยความเป็นสหายของเหล่าเทพผู้มีกวฬิงการาหารเป็นภักษา เข้าถึงหมู่
เทพที่เป็นมโนมยะหมู่ใดหมู่หนึ่งแล้ว จะพึงเข้าสัญญาเวทยิตนิโรธก็ได้ จะ
พึงออกจากสัญญาเวทยิตนิโรธก็ได้ ฐานะนี้ไม่มีเลย.
ในคำว่า โยนิโส ปญฺหํ กตฺตา เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดัง
ต่อไปนี้
บัณฑิตคิดปัญหาโดยแยบคายแล้ว ย่อมวิสัชนาปัญหาโดยแยบคาย
เหมือนพระอานนทเถระฉะนั้น. เป็นความจริง พระเถระถูกพระศาสดาตรัส
ถามว่า ดูก่อนอานนท์ ที่ตั้งของอนุสติมีเท่าไรหนอแล ก็คิดโดยแยบคาย
ก่อนว่า นี้จักเป็นปัญหา เมื่อจะวิสัชนาโดยแยบคาย จึงทูลว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ภิกษุในศาสนานี้ สงัดแล้วเทียวจากกามทั้งหลาย ฯลฯ แล้ว
เข้าจตุตถฌานอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่ตั้งของอนุสตินี้ที่เจริญแล้วอย่างนี้
ทำให้มากแล้วอย่างนี้ ย่อมเป็นไปเพื่อความอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน.
บทว่า อพฺภานุโมทิตา โหติ ความว่า บัณฑิตย่อมอนุโมทนา
โดยแยบคาย เหมือนพระตถาคตอนุโมทนาฉะนั้น. เป็นความจริง พระตถาคต
เมื่อพระอานนท์เถระวิสัชนาปัญหาแล้ว ก็ตรัสพระดำรัสมีอาทิว่า ดีแล้ว
* ปาฐะว่า นาพฺภนุโมทิตา เป็นบาลีเดิม แต่ในอรรถกถาเป็น นาภินุโมทติ.

ดีแล้ว อานนท์ ถ้าอย่างนั้น อานนท์ เธอจงทรงจำที่ตั้งแห่งอนุสติที่ 6 นี้
ไว้เถิด อานนท์ ภิกษุในธรรมวินัยนี้ มีสติก้าวไปข้างหน้า มีสติถอยหลังกลับ.
จบอรรถกถาอโยนิโสสูตรที่ 5

6. อกุสลสูตร



ว่าด้วยธรรมที่บ่งบอกว่าพาลหรือบัณฑิต



[445] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลประกอบด้วยธรรม 3 ประการ
พึงทราบได้ว่าเป็นพาล ธรรม 3 ประการ คืออะไรบ้าง คือกายกรรมเป็น
อกุศล วจีกรรมเป็นอกุศล มโนกรรมเป็นอกุศล บุคคลประกอบด้วย
ธรรม 3 ประการนี้แล พึงทราบเถิดว่าเป็นคนพาล.
จบอกุสลสูตรที่ 6
สูตรที่ 6-7-8 ความหมายง่ายทั้งนั้น.