เมนู

(ธรรม) กถานั้น ลุกไปแล้วไม่รู้ เพราะ
ความจำของเขาฟั่นเฟือน.
ส่วนบุคคลปัญญามาก เรากล่าวว่า
ดีกว่าคนปัญญาดังหน้าตักนั่น ถ้าแม้ไป
(ฟังธรรม) ในสำนักภิกษุทั้งหลายเนือง ๆ
คนเช่นนั้นนั่ง ณ ที่นั่งนั้น เรียนพยัญชนะ
ได้ทั้งเบื้องต้น ทั้งท่ามกลาง ทั้งที่สุดแห่ง
(ธรรม) กถาแล้วทรงจำไว้ได้ เป็นคนมี
ความคิดประเสริฐ มีใจไม่เคลือบแคลง
ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม พึงกระทำ
ที่สุดทุกข์ได้.

จบอวกุชชิตสูตรที่ 10
จบปุคคลวรรคที่ 3


อรรถกถาอวกุชชิตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอวกุชชิตสูตรที่ 10 ดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อวกุชฺชปญฺโญฺ ได้แก่ มีปัญญาเหมือนกับหม้อคว่ำปากลง.
บทว่า อุจฺฉงฺคปญฺโญ ได้แก่ มีปัญญาเหมือนกับตัก. บทว่า ปุถุปญฺโญ
ได้แก่ มีปัญญากว้างขวาง.
ในบทว่า อาทิกลฺยาณํ เป็นต้น พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ การ

ตั้งต้น (เทศนา) ชื่อว่า เบื้องต้น ท่ามกลางแห่งกถา ชื่อว่า ท่ามกลาง ตอน
จบ ชื่อว่า ที่สุด. ภิกษุเหล่านั้น เมื่อกล่าวธรรมแก่บุคคลนั้นอย่างนี้ ชื่อว่า
กล่าวทำให้งาม คือให้เจริญ ได้แก่ไม่มีโทษเลย ทั้งในวาระเริ่มต้น ทั้งใน
วาระท่ามกลาง ทั้งในวาระที่สุด. อนึ่ง ในสูตรนี้มีเบื้องต้น ท่ามกลาง และ
ที่สุดแห่งเทศนา และมีเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดแห่งสาสนธรรม.
บรรดาเทศนาและสาสนธรรมทั้งสองนั้น (จะกล่าว) เทศนาก่อน บท
แรก ของคาถา 4 บทเป็นเบื้องต้น บททั้งสองเป็นท่ามกลาง (และ) บทสุดท้าย
เป็นที่สุด
สำหรับพระสูตรที่มีอนุสนธิเดียว นิทานเป็นเบื้องต้น อนุสนธิเป็น
ท่ามกลาง ตอนจบพระสูตรที่ว่า อิทมโวจ เป็นที่สุด.
สำหรับพระสูตรที่มีอนุสนธิหลายอนุสนธิ อนุสนธิที่ 1 เป็นเบื้องต้น
มากกว่านั้นไป หนึ่งหรือหลายอนุสนธิเป็นท่ามกลาง อนุสนธิสุดท้ายเป็น
ที่สุด. นี้เป็นนัยแห่งเทศนาก่อน.
ส่วนสาสนธรรม ศีลเป็นเบื้องต้น สมาธิเป็นท่ามกลาง วิปัสสนา
เป็นทีสุด. อีกอย่างหนึ่ง สมาธิเป็นเบื้องต้น วิปัสสนาเป็นท่ามกลาง มรรค
เป็นที่สุด. อีกอย่างหนึ่ง วิปัสสนาเป็นเบื้องต้น มรรคเป็นท่ามกลาง ผลเป็น
ที่สุด. อีกอย่างหนึ่ง มรรคเป็นเบื้องต้น ผลเป็นท่ามกลาง นิพพานเป็นที่สุด.
อีกอย่างหนึ่ง เมื่อทำธรรมให้เป็นคู่ ๆ กัน ศีลกับสมาธิเป็นเบื้องต้น วิปัสสนา
กับมรรค เป็นท่ามกลาง ผลกับนิพพาน เป็นที่สุด.
บทว่า สาตฺถํ ความว่า ภิกษุทั้งหลายแสดงธรรมให้มีประโยชน์.
บทว่า สพฺยญฺชนํ ความว่า แสดงธรรมให้อักษรบริบูรณ์. บทว่า เกวล-
ปริปุณฺณํ
ความว่า แสดงธรรมให้บริบูรณ์ทั้งหมด คือไม่ขาด. บทว่า

ปริสุทฺธํ ความว่า แสดงธรรมให้บริสุทธิ์ คือไม่ให้ยุ่งเหยิงไม่มีเงื่อนงำ.
บทว่า พฺรหฺมจริยํ ปกาเสนฺติ ความว่า และเมื่อแสดงอย่างนั้น ชื่อว่า
ประกาศอริยมรรคมีองค์ 8 ซึ่งสงเคราะห์ด้วยไตรสิกขา อันเป็นจริยาที่
ประเสริฐที่สุด. บทว่า เนวาทึ มนสิกโรติ ความว่า เริ่มต้นเทศน์ก็ไม่ใส่ใจ.
บทว่า กุมฺโภ แปลว่าหม้อ. บทว่า นิกุชฺโช คือ วางคว่ำปากลง.
ในบทว่า เอวเมว โข นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ บุคคลผู้มีปัญญาต่ำ
พึงเห็นเหมือนหม้อคว่ำปากลง. เวลาที่ได้ (ฟัง) พระธรรมเทศนา พึงเห็น
เหมือนเวลาที่เทน้ำ (บนก้นหม้อ). เวลาที่บุคคลนั่งอยู่บนอาสนะนั้น ยังไม่
สามารถเรียนเอาได้ พึงเห็นเหมือนเวลาที่น้ำไหลออกไปหมด. เวลาที่บุคคล
ผู้นั้นลุกขึ้นแล้ว จำไม่ได้ พึงเห็นเหมือนเวลาที่น้ำไม่ขังอยู่ (บนก้นหม้อ).
บทว่า อากิณฺณานิ แปลว่า ที่เก็บไว้. บทว่า สติสมฺโมสาย ปกิเรยฺย
ความว่า (ของควรเคี้ยวนั้น) พึงตกเกลื่อนไป เพราะความเป็นผู้เผลอตัว.
ในบทว่า เอวเมว โข นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ บุคคลผู้มี
ปัญญาดังตัก พึงเห็นเหมือนตัก. พระพุทธพจน์มีประการต่าง ๆ พึงเห็น
เหมือนของกินชนิดต่าง ๆ. เวลาที่บุคคลนั่งเรียนอยู่บนอาสนะนั้น พึงเห็น
เหมือนเวลาที่บุคคลนั่งเคี้ยว ของเคี้ยวชนิดต่าง ๆ (ที่อยู่) บนตัก. เวลาที่
บุคคลลุกจากอาสนะนั้นมาแล้ว จำไม่ได้ พึงเห็นเหมือนเวลาที่บุคคลลุกขึ้น
ทำของหกเรี่ยราด เพราะเผลอตัว.
บทว่า อุกฺกุชฺโช ได้แก่(หม้อ) วางหงายปากขึ้น. บทว่า สณฺฐาติ
คือ น้ำย่อมขังอยู่.

ในบทว่า เอวเมว โข นี้ พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้ บุคคลผู้มี
ปัญญามาก พึงเห็นเหมือนหม้อที่วางหงายปากขึ้น. เวลาที่ได้ฟังเทศนา พึง
เห็นเหมือนเวลาที่เทน้ำลง. เวลาที่บุคคลนั่งเรียนอยู่บนอาสนะนั้น พึงเห็น
เหมือนเวลาที่น้ำขังอยู่. เวลาที่บุคคลลุกขึ้นเดินไป ยังจำได้พึงเห็นเหมือนเวลา
ที่น้ำไม่ไหลออกไป.
บทว่า ทุมฺเมโธ ได้แก่ ไม่มีปัญญา. บทว่า อวิจกฺขโณ ได้แก่
ขาดปัญญาเครื่องจัดการ. บทว่า คนฺตา ได้แก่ มีการไปเป็นปกติ. บทว่า
เสยฺโย เอเตน วุจฺจติ ความว่า (บุคคลผู้มีปัญญาดังตัก) พระพุทธเจ้า
ตรัสว่า ยอดเยี่ยมกว่าบุคคลนั้น (คือ คนปัญญาดังหม้อคว่ำ).
บทว่า ธมฺมานุธมฺมปฏิปนฺโน ความว่า ปฏิบัติธรรมสมควรแก่
โลกุตรธรรม 9 คือบ่ฏิบัติข้อปฏิบัติเบื้องต้นพร้อมทั้งศีล. บทว่า ทุกฺขสฺส
ได้แก่ วัฏทุกข์. บทว่า อนฺตกโร สิยา ความว่า บุคคลพึงเป็นผู้ทำที่สุด
คือพึงเป็นผู้ทำให้ขาดตอน ได้แก่พึงเป็นผู้ทำให้สุดทาง (ทุกข์).
จบอรรถกภาอวกุชชิตสูตรที่ 10
จบปุคคลวรรควรรณนาที่ 3

รวมพระสูตรที่มีในปุคคลวรรคนี้ คือ


1. สวิฏฐสูตร 2. คิลานสูตร 3. สังขารสูตร 4. พหุการสูตร
5. วชิรสูตร 6. เสวิตัพพสูตร 7. ชิคุจฉิตัพพสูตร 8. คูถภาณีสูตร
9. อันธสูตร 10. อวกุชชิตสูตร และอรรถกถา.