เมนู

ต่อมาในภายหลัง พระศาสดาประทับนั่งในท่ามกลางหมู่
พระอริยะในเชตวันมหาวิหาร ทรงสถาปนาพระเถระไว้ในตำแหน่ง
เป็นยอดของเหล่าภิกษุทั้งหลายผู้มีปกติอยู่ในป่าเป็นวัตรแล.

จบ อรรถกถาสูตรที่ 5

อรรถกถาสูตรที่ 6



ประวัติพระกังขาเรวตเถระ



พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 6 ดังต่อไปนี้.
บทว่า ฌายีนํ ได้แก่ ผู้ได้ฌาน คือผู้ยินดียิ่งในฌาน ได้ยินว่า
พระเถระนั้นชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้ได้ฌาน เว้นไว้น้อย
กว่าที่พระทศพลทรงเข้าสมาบัติ เข้าสมาบัติเป็นส่วนมาก เพราะ
ฉะนั้น ท่านจึงชื่อว่าเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้เข้าฌาน ท่านเรียกว่า
กังขาเรวตะ เพราะเป็นผู้มักสงสัย ความรำคาญ อธิบายว่า กุกฺกุจฺจกา
เป็นผู้มีความรำคาญ ชื่อว่า สงสัย. ถามว่า ก็ภิกษุรูปอื่น ที่มีความ
รำคาญ ไม่มีหรือ ? ตอบว่า มี แต่พระเถระนี้ แม้ในสิ่งที่สมควร
ก็เกิดรำคาญ เพราะฉะนั้น ความที่พระเถระนั้นเป็นผู้มีความรำคาญ
เป็นปกติ ปรากฏชัดแจ้งแล้ว เพราะเหตุนั้น จึงนับว่า กังขาเรวตะ
ผู้มักสงสัย ในปัญหากรรมของท่าน มีเรื่องที่จะกล่าวตามลำดับ
ดังต่อไปนี้.

ได้ยินว่า ครั้งพระพุทธเจ้าพระนามว่า ปทุมุตตระ พระเถระ
นี้ไปวิหารกับมหาชน โดยนัยข้างต้นนั่นแล ยืนฟังธรรมอยู่ท้ายบริษัท
เห็นพระศาสดา ทรงสถาปนาภิกษุรูปหนึ่งไว้ในตำแหน่งเอตทัคคะ
เป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้ยินดีในฌาน จึงคิดว่า แม้เราก็ควรเป็น
เหมือนอย่างนั้นในอนาคต จบเทศนา จึงนิมนต์พระศาสดา ถวาย
เครื่องสักการะใหญ่ 7 วัน โดยนัยก่อนนั่นแล กราบทูลพระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า ข้าพระองค์มิได้ปรารถนาสมบัติอื่น
ด้วยกรรม คือการทำกุศลอันยิ่งนี้ แต่ว่าข้าพระองค์พึงเป็นยอด
ของเหล่าภิกษุผู้ได้ฌานในศาสนาของพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งใน
อนาคต เหมือนอย่างภิกษุที่พระองค์ทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่ง
เอตทัคคะ เป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้ได้ฌาน ในวันที่สุด 7 วัน
แต่วันนี้ไป ท่านได้กระทำความปรารถนาดังกล่าวมานี้ พระศาสดา
ทรงตรวจดูอนาคต ทรงเห็นความสำเร็จจึงทรงพยากรณ์ว่า ใน
อนาคต ในที่สุดแห่งแสนกัป พระพุทธเจ้าพระนามว่า โคตมะ จัก
ทรงอุบัติ ท่านจักเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้ได้ฌาน ในศาสนาของ
พระองค์ ดังนี้แล้วเสด็จกลับ

ท่านกระทำกรรมอันงามตลอดชีวิต เวียนว่ายอยู่ในเทวดา
และมนุษย์แสนกัป ครั้งพระผู้มีพระภาคเจ้าของเรา มาบังเกิดใน
ตระกูลที่มีโภคสมบัติมาก ในกรุงสาวัตถี ไปวิหารกับมหาชนที่
กำลังเดินไปฟังธรรมในภายหลังอาหาร ยืนฟังธรรมกถาของพระ-
ทศพลท้ายบริษัท ได้ศรัทธา บรรพชาอุปสมบทแล้ว ให้พระผู้มี
พระภาคตรัสบอกกัมมัฏฐานแล้ว กระทำบริกรรมในฌานอยู่

เป็นผู้ได้ฌาน การทำฌานนั้นแหละให้เป็นบาท บรรลุพระอรหัตตผล
ท่านพักน้อยกว่าสมาบัติที่พระทศพลเข้า เข้าสมาบัติเป็นส่วนมาก
จึงมีความชำนาญอันสั่งสมไว้ในฌานทั้งหลาย ทั้งกลางวันทั้งกลางคืน
ต่อมาภายหลังพระศาสดาทรงถือเอาคุณอันนี้ สถาปนาท่านไว้ใน
ตำแหน่งเป็นยอดของเหล่าภิกษุผู้ได้ฌาน ก็ท่านชื่อว่า กังขาเรวตะ
เพราะมีความกังขา กล่าวคือความรำคาญ ที่มีความรังเกียจบังเกิด
ขึ้นในวัตถุทั้งหลายที่เป็นกัปปิยะนั่นแลอย่างนี้ว่า อาวุโส น้ำอ้อยงบ
เป็นอกัปปิยะ มูตรเป็นอกัปปิยะ

จบ อรรถกถาสูตรที่ 6

อรรถกถาสูตรที่ 7



ประวัติพระโสณโกฬวิสเถระ



พึงทราบวินิจฉัยในสูตรที่ 7 ดังต่อไปนี้.

บทว่า อารทฺธวิริยานํ ความว่า ผู้ตั้งความเพียรแล้ว ผู้มีความ
เพียรบริบูรณ์แล้ว. คำว่า โสโณ โกฬวิโส เป็นชื่อของพระเถระนั้น.
คำว่า โกฬวิโส เป็นโคตร. อีกอย่างหนึ่ง ความว่า ชื่อว่า โกฬเวโส
อธิบายว่า เด็กแห่งตระกูลแพศย์ ผู้ถึงที่สุดด้วยความมีอิสสระ ก็