เมนู

[113] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชี้แจงถึงเหตุภายใน เรา
ไม่เล็งเห็นเหตุอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่
เหมือนการประกอบอกุศลธรรมเนื่อง ๆ การไม่ประกอบกุศลธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การประกอบอกุศลธรรมเนือง ๆ การไม่
ประกอบกุศลธรรม ย่อมเป็นไปเพื่อมิใช่ประโยชน์อย่างใหญ่.

[114] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เพราะชี้แจงถึงเหตุภายใน เรา
ไม่เล็งเห็นเหตุอื่นแม้อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่
เหมือนการประกอบกุศลธรรมเนือง ๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรม
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การประกอบกุศลธรรมเนือง ๆ การไม่ประกอบ
อกุศลธรรม ย่อมเป็นไปเพื่อประโยชน์อย่างใหญ่.

ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้พระสัทธรรมเสื่อมและมั่นคง



[115] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง เป็นไปเพื่อความที่เสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความประมาท ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความประมาท
ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่งสัทธรรม.
[116] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความไม่ประมาท ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความไม่ประมาท ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[117] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความเป็นผู้เกียจคร้าน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความ
เป็นผู้เกียจคร้าน ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธาน
แห่งสัทธรรม.

[118] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนการปรารภความเพียร
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การปรารภความเพียร ย่อมเป็นไปเพื่อความ
ดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[119] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความเป็นผู้มักมาก ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความ
เป็นผู้มักมาก ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธาน
แห่งสัทธรรม.

[120] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความเป็นผู้มักน้อย ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มักน้อย ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[121] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อควานเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความเป็นผู้ไม่สันโดษ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความ
เป็นผู้ไม่สันโดษ ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธาน
แห่งสัทธรรม.

[122] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความเป็นผู้สันโดษ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้สันโดษ ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[123] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
สัทธรรม เหมือนการใส่ใจโดยไม่แยบคาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
การใส่ใจโดยไม่แยบคาย ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความ
อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[124] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนการใส่ใจโดยแยบคาย ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย การใส่ใจโดยแยบคาย ย่อมเป็นไปเพื่อดำรงมั่น เพื่อ
ความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[125] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความเป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความ
เป็นผู้ไม่รู้สึกตัว ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธาน
แห่งสัทธรรม.

[126] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความเป็นผู้รู้สึกตัว ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้รู้สึกตัว ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[127] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนความเป็นผู้มีมิตรชั่ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความ
เป็นผู้มีมิตรชั่ว ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธาน
แห่งสัทธรรม.

[128] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความเป็นผู้มีมิตรดี ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ความเป็นผู้มีมิตรดี ย่อมเป็นไปเพื่อความดำรงมั่น
เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[129] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความอันตรธานแห่ง
สัทธรรม เหมือนการประกอบอกุศลธรรมเนือง ๆ การไม่ประกอบ
กุศลธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การประกอบอกุศลธรรมเนือง ๆ
การไม่ประกอบกุศลธรรม ย่อมเป็นไปเพื่อความเสื่อมสูญ เพื่อความ
อันตรธานแห่งสัทธรรม.

[130] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราย่อมไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้
อย่างหนึ่ง ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อ
ความไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนการประกอบกุศลธรรม
เนือง ๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การ
ประกอบกุศลธรรมเนือง ๆ การไม่ประกอบอกุศลธรรม ย่อมเป็น
ไปเพื่อความดำรงมั่น เพื่อความไม่เสื่อมสูญ เพื่อความไม่อันตรธาน
แห่งสัทธรรม.
จบ วรรคที่ 10

อรรถกถาวรรคที่ 10



วรรคที่ 10

มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้ :-
บทว่า อชฺฌตฺติกํ ได้แก่ สิ่งที่เป็นไปภายใน ด้วยอำนาจเกิด
เฉพาะภายในตน. บทว่า องฺคํ แปลว่า เหตุ. บทว่า อิติ กริตฺวา แปลว่า
กระทำอย่างนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอธิบาย ไว้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย เรากระทำสิ่งที่เป็นไปทับตน คือเฉพาะตน อันตั้งขึ้นใน
สันดานของตน ว่าเป็นเหตุแล้ว ย่อมไม่เห็นเหตุอื่นสักอย่างหนึ่ง
ดังนี้.
บทว่า พาหิรํ ได้แก่ สิ่งที่เป็นภายนอกจากสันดานภายในตน.
บทว่า ธมฺมสฺส ได้แก่ พระสัทธรรม อธิบายว่าพระศาสนา. บทว่า
สมฺโมสาย ได้แก่ เพื่อความพินาศ. บทว่า อนฺตรธานาย ได้แก่ เพื่อ
ความไม่ปรากฏ. บทว่า ฐิติยา ได้แก่ เพื่อความตั้งอยู่ตลอดกาลนาน.
บทว่า อสมฺโมสาย อนนฺตรธานาย พึงทราบโดยนัยตรงกันข้าม
จากที่กล่าวแล้วนั่นแล. คำที่เหลือในสูตรนี้มีนัยดังกล่าวแล้วในธรรม
ที่มี 4 เงื่อนนั่นแล.

ในคำว่า อธมฺมํ หโมติ ทีเปนฺติ เป็นต้น เบื้องหน้าต่อจากนี้
พึงทราบความโดยปริยายแห่งพระสูตรก่อน. กุศลกรรมบถ 10
ชื่อว่า ธรรม. อกุศลกรรมบถ 10 ชื่อว่า อธรรม. อนึ่ง โพธิปักขิยธรรม
37 ประการคือ สติปัฏฐาน 4 สัมมัปปธาน 4 อิทธิบาท 4 อินทรีย์