เมนู

อริยญาณยังไม่เกิดขึ้นแก่อริยสาวกเพียงใด อินทรีย์ 4 ก็ยังไม่ตั้งลงมั่นเพียงนั้น
เมื่อใด อริยญาณเกิดขึ้นแล้วแก่อริยสาวก เมื่อนั้น อินทรีย์ 4 ก็ตั้งลงมั่น
ฉันนั้นเหมือนกัน อินทรีย์ 4 เป็นไฉน คือ สัทธินทรีย์ 1 วิริยินทรีย์ 1
สตินทรีย์ 1 สมาธินทรีย์ 1.
[1030] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัทธา วิริยะ สติ สมาธิอันไปตาม
ปัญญาของอริยสาวกผู้มีปัญญา ย่อมตั้งมั่น.
จบมัลลกสูตรที่ 2

อรรถกถามัลลกสูตร



มัลลกสูตรที่ 2.

คำว่า ในแคว้นมัลละ คือ ในชนบทที่มีชื่อ
อย่างนั้น ในสูตรนี้ อินทรีย์ทั้ง 4 เจือกัน อริยญาณเป็นโลกุตระ. แหละก็
อริยญาณแม้นั้น ก็ควรจำแนกว่า ทำให้อาศัยอินทรีย์ทั้ง* 4 เป็นของเจือกัน.
จบอรรถกถามัลละสูตรที่ 2

3. เสขสูตร



ว่าด้วยพระเสขะและพระอเสขะ



[1031] ข้าพเจ้าได้สดับนาแล้วอย่างนี้:-
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ โฆสิตาราม ใกล้กรุง-
โกสัมพี ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายแล้วตรัสว่า
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ พึง
รู้ว่า เราเป็นพระเสขะ ที่ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในอเสขภูมิพึงรู้ว่า
เราเป็นพระอเสขะ มีอยู่หรือ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
* พม่าเป็นอาศัยอินทรีย์ที่ 4

ธรรมทั้งหลายของพวกข้าพระองค์ มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นแบบอย่าง ฯลฯ
[1032] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัย
แล้วตั้งอยู่ในเสขภูมิ พึงรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ ที่ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัยแล้ว
ตั้งอยู่ในอเสขภูมิ พึงรู้ว่า เราเป็นพระอเสขะมีอยู่.
[1033] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้ง
อยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ เป็นไฉน ภิกษุผู้เป็นเสขะใน
ธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดตามความเป็นจริงว่า นี้ทุกข์ นี้ทุกขสมุทัย นี้ทุกขนิโรธ
นี้ทุกขนิโรธคามินีปฏิปทา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็น
เสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ชัดว่า เราเป็นพระเสขะ.
[1034] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เป็นเสขะ ย่อม
พิจารณาเห็นดังนี้ ว่า สมณะหรือพราหมณ์อื่นภายนอกจากศาสนานี้ ซึ่งจะแสดง
ธรรมที่จริงแท้แน่นอนเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า มีอยู่หรือ พระเสขะนั้นย่อม
รู้ชัดอย่างนี้ว่า สมณะหรือพราหมณ์อื่นภายนอกจากศาสนานี้ ซึ่งจะแสดงธรรม
ที่จริงแท้แน่นอนเหมือนพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่มี ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยาย
แม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูนิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระ-
เสขะ.
[1035] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เป็นเสขะย่อม
รู้ชัด ซึ่งอินทรีย์ 5 คือ สัทธินทรีย์ 1 วิริยินทรีย์ 1 สตินทรีย์ 1 สมาธินทรีย์ 1
ปัญญินทรีย์ 1 อินทรีย์ 5 นั้น มีสิ่งใดเป็นคติ มีสิ่งใดเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่ง
ใดเป็นผล มีสิ่งใดเป็นที่สุด ภิกษุผู้เป็นเสขะยังไม่ถูกต้องสิ่งนั้นด้วยนามกาย
แต่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุ
เป็นเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระเสขะ.

[1036] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ปริยายที่ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัยแล้ว
ตั้งอยู่ในอเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระอเสขะ เป็นไฉน ภิกษุผู้เป็นอเสขะ
ในธรรมวินัยนี้ ย่อมรู้ชัดซึ่งอินทรีย์ 5 คือ สัทธินทรีย์... ปัญญินทรีย์
อินทรีย์ 5 มีสิ่งใดเป็นคติ มีสิ่งใดเป็นอย่างยิ่ง มีสิ่งใดเป็นผล มีสิ่งใดเป็นที่สุด
อริยสาวกผู้เป็นอเสขะถูกต้องสิ่งนั้นด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วย
ปัญญา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัย และ
ตั้งอยู่ในอเสขภูมิ ย่อมรู้ว่า เราเป็นพระอเสขะ.
[1037] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อีกประการหนึ่ง ภิกษุผู้เป็นอเสขะ
ย่อมรู้ชัดซึ่งอินทรีย์ 6 คือ จักขุนทรีย์ 1 โสตินทรีย์ 1 ฆานินทรีย์ 1 ชิวหิน-
ทรีย์ 1 กายินทรีย์ 1 มนินทรีย์ 1 อริยสาวกผู้เป็นอเสขะย่อมรู้ชัดว่า อินทรีย์
6 เหล่านี้จักดับไปหมดสิ้นโดยประการทั้งปวง ไม่มีเหลือ และอินทรีย์ 6
เหล่าอื่น จักไม่เกิดขึ้นในภพไหน ๆ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ปริยายแม้นี้แล ที่
ภิกษุผู้เป็นอเสขะอาศัยแล้ว ตั้งอยู่ในอเสขภูมิ ย่อมรู้ชัดว่า เราเป็นพระอเสขะ. 9 เ ส. ่ร 3
จบเสขสูตรที่ 3

อรรถกถาเสขสูตร



เสขสูตรที่ 3.

คำว่า น เหวโข กาเยน ผุสิตฺวา วิหรติ ได้แก่
ย่อมไม่ถูกต้อง คือได้เฉพาะด้วยนามกายแล้วแลอยู่ อธิบายว่า ย่อมไม่อาจถูก
ต้องคือไ่ด้เฉพาะ. คำว่า แต่เห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา คือ ก็แล
ย่อมรู้ชัดด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาว่า ชื่อว่าอินทรีย์ คือ อรหัตผลเบื้อง
บน ยังมีอยู่. ในภูมิของอเสขะ คำว่า ถูกต้องแล้วอยู่ คือได้เฉพาะ
แล้วแลอยู่. คำว่า ด้วยปัญญา คือ ย่อมรู้ชัดด้วยปัญญาเครื่องพิจารณาว่า