เมนู

สัปปัญญวรรควรรณนาที่ 6



อรรถกถาวัสสวุตถสูตร



พึงทราบอธิบายในวัสสวุตถสูตรที่ 2 แห่ง สัปปัญญวรรคที่ 6.
มีอธิบายดังต่อไปนี้ ภิกษุผู้เป็นพระโสดาบัน ไม่ถึงการปลงลงด้วย
เหตุเท่านี้ ตั้งประชุมองค์แห่งการตรัสรู้คืออินทรีย์และพละ เจริญวิปัสสนา ก็
จักบรรลุพระสกทาคามิมรรค. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหมายเอาเนื้อความนี้
ว่า สกทาคามิมรรค อนาคานิมรรค อรหัตมรรค แล้วตรัสเชื้อสายประเพณีใน
ศาสนาในพระสูตรนี้.
จบอรรถกถาวัสสสูตรที่ 2

3. ธรรมทินนสูตร



ธรรมทินนะอุบาสกพยากรณ์โสดาปัตติผล



[1625] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตน-
มฤคทายวัน กรุงพาราณสี ครั้งนั้น อุบาสกชื่อว่าธรรมทินนะ พร้อมด้วย
อุบาสก 500 คน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้า
แต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อใดจะพึงมีประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ข้า
พระองค์ทั้งหลาย ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดตรัสสอน โปรดทรงพร่ำสอน
ข้อนั้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนธรรม

ทินนะ เพราะฉะนั้นแหละ ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้ว่า พระสูตรเหล่าใด
ที่พระตถาคตตรัสแล้ว อันลึกซึ้งมีเนื้อความอันลึก เป็นโลกุตระ ประกอบ
ด้วยความว่าง เราจักเข้าถึงพระสูตรเหล่านั้นตลอดกาลเป็นนิตย์อยู่ ดูก่อน
ธรรมทินนะ ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
[1626] ธ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายยังครอง
เรือนนอนกกลูกอยู่ ยังทาจันทน์แคว้นกาสี ยังใช้มาลาของหอมและเครื่องลูบ
ไล้ ยังยินดีทองและเงินอยู่ จะเข้าถึงพระสูตรที่พระตถาคตตรัสแล้ว อันลึกซึ้ง
มีเนื้อความอันลึก เป็นโลกุตระ ประกอบด้วยความว่าง ตลอดนิตยกาลอยู่
มิใช่กระทำได้โดยง่าย ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดทรงแสดงธรรมอันยิ่ง แก่
ข้าพระองค์ทั้งหลายผู้ตั้งอยู่แล้วในสิกขาบท 5 เถิด.
พ. ดูก่อนธรรมทินนะ เพราะฉะนั้นแหละ ท่านทั้งหลายพึงศึกษา
อย่างนี้ว่า เราทั้งหลายจักเป็นผู้ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวใน
พระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ... ในพระสงฆ์ ... จักเป็นผู้ประกอบด้วยศีล
ที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไปเพื่อสมาธิ ดูก่อนธรรมทินนะ
ท่านทั้งหลายพึงศึกษาอย่างนี้แหละ.
ธ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ โสตาปัตติยังคะ 4 ประการเหล่าใด ที่
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงแล้ว ธรรมเหล่านั้นมีอยู่ในข้าพระองค์ทั้งหลาย
และข้าพระองค์ทั้งหลายเห็นชัดในธรรมเหล่านั้น เพราะว่าข้าพระองค์ทั้งหลาย
ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ... ในพระธรรม ...
ในพระสงฆ์ ... ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ฯลฯ เป็นไป
เพื่อสมาธิ.

พ. ดูก่อนธรรมทินนะ เป็นลาภของท่านทั้งหลาย ท่านทั้งหลายได้
ดีแล้ว โสดาปัตติผลอันท่านทั้งหลายพยากรณ์แล้ว.
จบธรรมทินนสูตรที่ 3

อรรถกถาธรรมทินนสูตร



พึงทราบอธิบายในธรรมทินนสูตรที่ 3.
คำว่า ธรรมทินนะ ความว่า เป็นอุบาสกคนหนึ่งในบรรดาเจ็ดคน.
ความพิสดารว่า ในครั้งพุทธกาล คนเจ็ดคนเหล่านี้ คือ ธรรมทินนอุบาสก 1
วิสาขอุบาสก 1 อุคคคฤหบดี 1 จิตตคฤหบดี 1 หัตถกะ 1 อาฬวกะ 1 จุลล-
อนาถปิณฑิกะ 1 เป็นผู้มีอุบาสกห้าร้อยเป็นบริวาร. ธรรมทินนะอุบาสกเป็นคน
ใดคนหนึ่งบรรดาคนเจ็ดคนเหล่านั้น. บทว่า ลึกซึ้ง ได้เเก่ คัมภีรธรรมมี
สัลลสูตรเป็นต้น. บทว่า มีเนื้อความอันลึก ได้แก่ มีอรรถอันลึกซึ้งมีเปตวา-
สูตรเป็นต้น. บทว่า เป็นโลกุตระ ความว่า อันแสดงอรรถที่เป็นโลกุตระ
มีอสังขตสังยุตเป็นต้น. บทว่า ประกอบด้วยความว่าง ความว่า อัน
แสดงความว่างเปล่าแห่งสูตร มีขัชชนิกสูตรเป็นต้น. บทว่า จักเข้าถึงอยู่
ความว่าจักได้เฉพาะอยู่. บทว่า ดูก่อนธรรมทินนะท่าน ทั้งหลายพึงศึกษา
อย่างนี้
ความว่า เธอทั้งหลายพึงบำเพ็ญ จันโทปมปฏิปทา รถวินีตปฏิปทา
โมเนยยปฏิปทา มหาอริยวังสปฏิปทา ศึกษาอยู่ อย่างนี้.
พระศาสดา ทรงบอกภาระที่ไม่สามารถทนได้แก่อุบาสกเหล่านี้. ด้วย
ประการฉะนี้. ได้ยินว่า อุบาสกเหล่านั้น ดำรงอยู่ในภูมิของตนแล้ว ทูลขอ
โอวาท. ก็อุบาสกเหล่านั้น เป็นเหมือนสามารถยกภาระทั้งปวงขึ้นโดยไม่แปลกกัน