เมนู

2. วัสสวุตถสูตร



ว่าด้วยพระอริยบุคคลมีน้อยกว่ากันโดยลำดับ



[1623] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร
เชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี กรุงสาวัตถี ก็สมัยนั้น ภิกษุรูป
หนึ่งอยู่จำพรรษาในกรุงสาวัตถีแล้ว ไปโดยลำดับ ถึงกรุงกบิลพัสดุ์ ด้วย
กรณีย์บางอย่าง พวกเจ้าศากยะชาวกรุงกบิลพัสดุ์ได้ทราบข่าวว่า ภิกษุรูปหนึ่ง
อยู่จำพรรษาในกรุงสาวัตถี มาถึงกรุงกบิลพัสดุ์แล้ว จึงเสด็จเข้าไปหาภิกษุรูป
นั้นถึงที่อยู่ ทรงอภิวาทภิกษุนั้นแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น
แล้ว ได้ตรัสถามภิกษุนั้นว่า
[1624] ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ประชวร และยัง
มีพระกำลังหรือ.
ภิกษุนั้นทูลว่า พระผู้มีภาคเจ้าไม่ประชวรและยังมีพระกำลัง ขอถวาย
พระพร.
ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะไม่ป่วยไข้
และยังมีกำลังหรือ.
ภิ. แม้พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลัง
ขอถวายพระพร.
ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ภิกษุสงฆ์ไม่ป่วยไข้ และยังมีกำลังหรือ.
ภิ. แม้ภิกษุสงฆ์ก็ไม่ป่วยไข้และยังมีกำลัง ขอถวายพระพร.
ศ. ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ระหว่างพรรษานี้ อะไร ๆ ที่ท่านได้ฟังมา
ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้า มีอยู่หรือ.

ภิ. ขอถวายพระพร เรื่องนี้อาตมภาพได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระ
พักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้กระทำให้แจ้งซึ่ง
เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสาวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสิ้นไป ด้วย
ปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ มีน้อย ที่แท้ ภิกษุผู้เป็นอุปปาติกะ
เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ 5 สิ้นไป จักนิพพานในภพที่เกิดนั้น มี
อันไม่กลับมาจากโลกนั้นเป็นธรรมดา มีมากกว่า อีกประการหนึ่ง อาตมภาพ
ได้ฟังมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุผู้เป็นอุปปาติกะ เพราะสังโยชน์อันเป็นส่วนเบื้องต่ำ 5 สิ้นไป จักนิพพาน
ในภพที่เกิดนั้น มีอันไม่กลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา มีน้อย ที่แท้ ภิกษุผู้
เป็นสกทาคามี เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ
เบาบาง กลับมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียวเท่านั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้
มีมากกว่า อีกประการหนึ่ง อาตมภาพได้ฟังมารับมาเฉพาะพระพักตร์พระผู้มี
พระภาคเจ้าว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้เป็นสกทาคามี เพราะสังโยชน์ 3
สิ้นไป และเพราะราคะ โทสะ โมหะ เบาบางกลับมาสู่โลกนี้อีกคราวเดียว
เท่านั้นแล้ว จักกระทำที่สุดแห่งทุกข์ได้ มีน้อย ที่แท้ ภิกษุผู้เป็นพระโสดาบัน
เพราะสังโยชน์ 3 สิ้นไป มีความไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงที่จะตรัสรู้
ในเบื้องหน้า มีมากกว่า.
จบวัสสวุตถสูตรที่ 2

สัปปัญญวรรควรรณนาที่ 6



อรรถกถาวัสสวุตถสูตร



พึงทราบอธิบายในวัสสวุตถสูตรที่ 2 แห่ง สัปปัญญวรรคที่ 6.
มีอธิบายดังต่อไปนี้ ภิกษุผู้เป็นพระโสดาบัน ไม่ถึงการปลงลงด้วย
เหตุเท่านี้ ตั้งประชุมองค์แห่งการตรัสรู้คืออินทรีย์และพละ เจริญวิปัสสนา ก็
จักบรรลุพระสกทาคามิมรรค. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงหมายเอาเนื้อความนี้
ว่า สกทาคามิมรรค อนาคานิมรรค อรหัตมรรค แล้วตรัสเชื้อสายประเพณีใน
ศาสนาในพระสูตรนี้.
จบอรรถกถาวัสสสูตรที่ 2

3. ธรรมทินนสูตร



ธรรมทินนะอุบาสกพยากรณ์โสดาปัตติผล



[1625] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ ป่าอิสิปตน-
มฤคทายวัน กรุงพาราณสี ครั้งนั้น อุบาสกชื่อว่าธรรมทินนะ พร้อมด้วย
อุบาสก 500 คน เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระ-
ผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลว่า ข้า
แต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อใดจะพึงมีประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข แก่ข้า
พระองค์ทั้งหลาย ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าโปรดตรัสสอน โปรดทรงพร่ำสอน
ข้อนั้นแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเถิด พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนธรรม