เมนู

เป็นไปเพื่อสมาธิ เทวดาเหล่าใดประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว จุติ
จากอัตภาพนั้น แล้ว ไปบังเกิดในภพนั้น เทวดาเหล่านั้นย่อมมีความคิดอย่างนี้
ว่า พวกเราประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้วเห็นปานใด จุติจากอัตภาพ
นั้นแล้ว มาบังเกิดในที่นี้ แม้อริยสาวกผู้ประกอบด้วยศีลที่พระอริยเจ้าใคร่
แล้ว เห็นปานนั้น ก็ย่อมเกิดในสำนักพวกเทวดาดังจะร้องเชิญว่า มาเถิด ดัง
นี้ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เทวดาทั้งหลายปลื้มใจไปสู่ที่ประชุมแล้ว กล่าวถึงผู้
ประกอบด้วยธรรม 4 ประการนี้แล.
จบสภาคสูตรที่ 6

7. มหานามสูตร



ว่าด้วยสมบัติของอุบาสก



[1590] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิโครธาราม
ใกล้กรุงกบิลพัสดุ์ แคว้นสักกะ ครั้งนั้นแล พระเจ้ามหานามศากยราช เสด็จ
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ทรงอภิวาทแล้วประทับนั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ด้วยเหตุเพียงเท่าไร บุคคลจึงจะชื่อว่าอุบาสก พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า
ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลผู้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ถึงพระธรรมเป็นสรณะ
ถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล บุคคลจึงจะชื่อว่า เป็นอุบาสก
[1591] ม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร อุบาสก
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล

พ. ดูก่อนมหาบพิตร อุบาสกเป็นผู้งดเว้นจากปาณาติบาต เป็นผู้งด
เว้น จากอทินนาทาน เป็นผู้งดเว้น จากกาเมสุมิจฉาจาร เป็นผู้งดเว้นจากมุสา
วาท เป็นผู้งดเว้น จากสุราเมรยมัชชปมาทัฏฐาน ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อุบาสก
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศีล.
[1592] ม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร อุบาสก
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร อุบาสกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีศรัทธา คือ
เชื่อพระปัญญาตรัสรู้ของพระตถาคตว่า แม้เพราะเหตุนี้ ๆ พระผู้มีพระภาคเจ้า
พระองค์นั้น ฯลฯ เป็นผู้จำแนกธรรม ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล อุบาสกจึงจะ
ชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยศรัทธา.
[1593] ม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร อุบาสก
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร อุบาสกในธรรมวินัยนี้ มีใจปราศจากความ
ตระหนี่ อันเป็นมลทิน มีจาคะอันไม่ติดขัด มีฝ่ามืออันชุ่ม ยินดีในการ
สละ ควรแก่การขอ ยินดีในการจำแนก อยู่ครอบครองเรือน ด้วยเหตุเพียง
เท่านี้ อุบาสกจึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยจาคะ.
[1594] ม. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็ด้วยเหตุเพียงเท่าไร อุบาสก
จึงจะชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา.
พ. ดูก่อนมหาบพิตร อุบาสกในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีปัญญา คือ
ประกอบด้วยปัญญาเป็นเหตุให้ถึง (เห็น) ความเกิดความดับ เป็นอริยะ
เป็นไปเพื่อชำแรกกิเลส ให้ถึงความสิ้นทุกข์โดยชอบ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล
อุบาสก จึงชื่อว่า เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยปัญญา.
จบมหานามสูตรที่ 7

8. วัสสสูตร



ธรรมที่เป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะ



[1595] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนเมื่อฝนเม็ดใหญ่ตกลง
บนภูเขา น้ำนั้นไหลไปตามที่ลุ่ม ย่อมยังซอกเขา ลำธาร ลำห้วย ให้เต็ม
ซอกเขา ลำธาร ลำห้วย เต็มแล้ว ย่อมยังหนองให้เต็ม หนองเต็มแล้ว ย่อม
ยังบึงให้เต็มแล บึงเต็มแล้วย่อมยังแม่น้ำน้อยให้เต็ม แม่น้ำน้อยเต็มแล้ว ย่อม
ยังแม่น้ำใหญ่ให้เต็ม แม่น้ำใหญ่เต็มแล้ว ย่อมยังมหาสมุทรสาครให้เต็ม ฉัน
ใด ความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระพุทธเจ้า ในพระธรรม ในพระสงฆ์
อันใด และศีลที่พระอริยเจ้าใคร่แล้ว เหล่าใด ของอริยสาวก ธรรมเหล่านี้
เมื่อไหลไปถึงฝั่ง ย่อมเป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะ ฉันนั้นเหมือนกัน.
จบวัสสสูตรที่ 8

อรรถกถาวัสสสูตร



พึงทราบอธิบายในวัสสสูตรที่ 8.
คำว่า ถึงฝั่ง คือ นิพพาน ท่านเรียกว่า ฝั่ง อธิบายว่าถึงฝั่งนั้น
ก็ในคำว่า เป็นไปเพื่อความสิ้นอาสวะ ท่านทำเทศนาไว้อย่างนี้ว่า ถึงพระ
นิพพานก่อนแล้ว เป็นไปในภายหลังหามิได้ เมื่อจะไปก็เป็นไปพร้อมกัน.
จบอรรถกถาวัสสสูตรที่ 8