เมนู

โสตาปัตติสังยุต



เวฬุทวารวรรคที่ 1



1. ราชสูตร



คุณธรรมของพระอริยสาวก



[1411] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสพระ-
พุทธพจน์นี้ว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักรพรรดิเสวยราชสมบัติเป็น
อิสราธิบดีในทวีปทั้ง 4 สวรรคตแล้ว ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ คือ ได้เป็น
สหายของพวกเทพชั้นดาวดึงส์ ท้าวเธอแวดล้อมไปด้วยหมู่นางอัปสร เอิบอิ่ม
พรั่งพร้อมบำเรออยู่ด้วยกามคุณ 5 อันเป็นทิพย์ ณ สวนนันทวัน ในดาวดึงส์
พิภพนั้น ท้าวเธอประกอบด้วยธรรม 4 ประการ ก็จริง ถึงอย่างนั้น ท้าวเธอ
ก็ยังไม่พ้นจากนรก จากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน จากปิตติวิสัย และจากอบาย
ทุคติ วินิบาต.
[1412] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกเยียวยาอัตภาพอยู่ด้วยคำ
ข้าวที่แสวงหามาด้วยปลีแข้ง นุ่งห่มแม้ผ้าที่เศร้าหมอง เธอประกอบด้วยธรรม
4 ประการ ก็จริง ถึงอย่างนั้น เธอก็พ้นจากนรก จากกำเนิดสัตว์ดิรัจฉาน
จากปิตติวิสัย และจากอบาย ทุคติ วินิบาต ธรรม 4 ประการเป็นไฉน
อริยสาวกในธรรมวินัยนี้ ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระ
พุทธเจ้าว่า แม้เพราะเหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น เป็นพระอรหันต์
ตรัสรู้เองโดยชอบถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เสด็จไปดีแล้ว ทรงรู้แจ้งโลก
เป็นสารถีฝึกบุรุษที่ควรฝึก ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์

ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรน ประกอบด้วยความเลื่อมใส
อันไม่หวั่นไหวในพระธรรมว่า พระธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว อัน
ผู้ใดบรรลุจะพึงเห็นเอง ไม่ประกอบด้วยกาล ควรเรียกให้มาดู ควรน้อมเข้ามา
อันวิญญูซนพึงรู้เฉพาะตน ประกอบด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหวในพระสงฆ์
ว่า พระสงฆ์สาวกของพระผู้มีพระภาคเจ้าปฏิบัติดีแล้ว ปฏิบัติตรง ปฏิบัติเป็น
ธรรม ปฏิบัติสมควร คือ คู่แห่งบุรุษ 4 บุรุษบุคคล 8 นี่พระสงฆ์สาวกของ
พระผู้มีพระภาคเจ้า ผู้ควรของคำนับ ควรของต้อนรับ ควรของทำบุญ ควร
ทำอัญชลี เป็นนาบุญของโลก ไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า ประกอบด้วยศีลที่พระ
อริยเจ้าใคร่แล้ว ไม่ขาด ไม่ทะลุ ไม่ด่าง ไม่พร้อย เป็นไทย วิญญูชน
สรรเสริญ อันตัณหาและทิฏฐิไม่ลูบคลำแล้ว เป็นไปเพื่อสมาธิ อริยสาวกย่อม
ประกอบด้วยธรรม 4 ประการเหล่านี้.
[1413] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การได้ทวีปทั้ง 4 กับการได้ธรรม 4
ประการ การได้ทวีปทั้ง 4 ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 ซึ่งจำแนกออกไปแล้ว 16
หน ของการได้ธรรม 4 ประการ.
จบราชสูตรที่ 1

โสตาปัตติสังยุตวรรณนา



อรรถกถาราชสูตร



พึงทราบอธิบายในราชสูตรที่ 1.
คำว่า กิญฺจาปิ เป็นนิบาตลงในอรรถว่าอนุเคราะห์และติเตียน.
จริงอยู่ พระศาสดาเมื่อจะทรงอนุเคราะห์ (เมื่อถือเอา) ราชสมบัติ คือความเป็น
อิสฺราธิบดีแห่งมหาทวีปทั้ง 4 และเมื่อจะทรงติเตียนความเป็น คือการละบาย
ทั้ง 4 ยังไม่ได้ จึงตรัสคำเป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักรพรรดิ...
แม้ก็จริง.
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า แห่งทวีปทั้ง 4 ได้แก่ ทวีปใหญ่ 4
มีทวีปพันหนึ่งเป็นบริวาร.
บทว่า อิสฺสริยาธิปจฺจํ ความว่า ความเป็นอิสระ ความเป็นอธิบดี
ชื่อว่า ความเป็นใหญ่ ความเป็นอิสระ ความเป็นใหญ่ ชื่อว่า ความเป็น
อิสราธิบดี เพราะอรรถว่า ไม่มีความแตกต่างกันในราชสมบัติ. บทว่า
กาเรตฺวา ได้แก่ ให้ราชสมบัติเห็นปานนี้เป็นไป. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้
ตรัสคำเป็นต้นว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวก ... แม้ก็จริง.
ผ้ามีชายหามิได้ ชื่อว่า นนฺตกานิ (ผ้าที่เศร้าหมอง) ในบทนั้น. ก็ผ้า
สาฎกแม้ 13 ศอก ตั้งแต่ตัดชายผ้าออก ถึงการนับว่า ผ้าไม่มีชายเหมือนกัน. บทว่า
ด้วยความเลื่อมใสอันไม่หวั่นไหว ได้แก่ ความเลื่อมใสอันไม่คลอนแคลน.
บทว่า ก็ความเลื่อมใสนี้นั้น ความว่า ความเลื่อมใสอย่างหนึ่งมี
หลายอย่างเทียว ก็ความเลื่อมใสที่มาถึงแล้วโดยมรรคนั้น ย่อมเกิดขึ้นไม่ก่อน
ไม่หลังในวัตถุเหล่าใด ด้วยอำนาจวัตถุเหล่านั้น ความเลื่อมใสนั้น ท่านจึง
กล่าวไว้ 3 อย่าง โดยนัยเป็นต้นว่า ด้วยความเลื่อมในอันไม่หวั่นไหวในพระ-
* ไม่มีการช่วงชิงหรือโค่นล้มราชสมบัติหนึ่ง.