เมนู

7. กัปปินสูตร



ว่าด้วยอานาปานสติสมาธิ



[1321] กรุงสาวัตถี. ก็สมัยนั้น ท่านพระมหากัปปินะ นั่งคู้บัลลังก์
ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า ในที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า.
[1322] พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นท่านพระมหากัป-
ปินะนั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะหน้า ครั้นแล้วได้ตรัสถาม
ภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นความไหวหรือความ
เอนเอียงแห่งกายของภิกษุนั้นหรือหนอ.
[1323] ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เวลาใด
ข้าพระองค์ทั้งหลายเห็นท่านผู้มีอายุนั้นนั่งอยู่ในท่ามกลางสงฆ์ หรือนั่งในที่ลับ
รูปเดียว ในเวลานั้น ข้าพระองค์ทั้งหลายมิได้เห็นความไหวหรือความเอนเอียง
แห่งกายของท่านผู้มีอายุนั้นเลย.
[1324] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความไหวหรือความเอนเอียง
แห่งกายก็ดี ความหวั่นไหวหรือความกวัดแกว่งแห่งจิตก็ดี ย่อมไม่มี เพราะ
ได้เจริญได้กระทำให้มากซึ่งสมาธิใด ภิกษุนั้นได้สมาธินั้นตามความปรารถนา
ได้โดยไม่ยากไม่ลำบาก.
[1325] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ความไหวหรือความเอนเอียงแห่ง
กายก็ดี ความหวั่นไหวหรือความกวัดแกว่งแห่งจิตก็ดี ย่อมไม่มี เพราะได้เจริญ
กระทำให้มากซึ่งสมาธิ เป็นไฉน เพราะได้เจริญ ได้การทำให้มากซึ่งอานาปาน
สติสมาธิ.