เมนู

6. อริฏฐสูตร



การเจริญอานาปานสติ



[1317] กรุงสาวัตถี. ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า ฯลฯ ได้
ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายย่อมเจริญอานาปานสติหรือหนอ.
[1318] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามอย่างนี้แล้ว ท่านพระ
อริฏฐะได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์
เจริญอานาปานสติอยู่.
พ. ดูก่อนอริฏฐะ ก็เธอเจริญอานาปานสติอย่างไรเล่า.
[1319] อ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กามฉันท์ในกามที่ล่วงไป ข้า-
พระองค์ละได้แล้ว กามฉันท์ในกามที่ยังไม่มาถึงของข้าพระองค์ไปปราศแล้ว
ปฏิฆสัญญาในธรรมทั้งหลาย ทั้งที่เป็นภายในและภายนอก ข้าพระองค์กำจัด
เสียแล้ว ข้าพระองค์มีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ข้าพระองค์เจริญอานาปานสติอย่างนี้แล.
[1320] พ. ดูก่อนอริฏฐะ อานาปานสตินั้นมีอยู่ เราไม่ได้กล่าว
ว่าไม่มี ก็แต่ว่า อานาปานสติย่อมบริบูรณ์โดยกว้างขวางด้วยวิธีใด เธอจงฟัง
วิธีนั้น จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ท่านพระอริฏฐะทูลรับพระดำรัส พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า ดูก่อนอริฏฐะ ก็อานาปานสติย่อม
บริบูรณ์โดยกว้างขวางอย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ อยู่ในป่าก็ดี อยู่ที่
โคนไม้ก็ดี อยู่ที่เรือนว่างก็ดี นั่งคู้บัลลังก์ ตั้งกายตรง ดำรงสติไว้เฉพาะ
หน้า เธอมีสติหายใจออก มีสติหายใจเข้า ฯลฯ ย่อมสำเหนียกว่า เราจัก
พิจารณาเห็นโดยความสละคืนหายใจออก ย่อมสำเหนียกว่า เราจักพิจารณา