เมนู

[1238] ก็อิทธิบาทเป็นไฉน บรรดาอันใด ปฏิปทาอันใด ย่อม
เป็นไปเพื่อได้ฤทธิ์ เพื่อได้เฉพาะซึ่งฤทธิ์ นี้เรียกว่า อิทธิบาท.
[1239] ก็อิทธิบาทภาวนาเป็นไฉน ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อม
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธานสังขาร ย่อมเจริญอิทธิบาท
อันประกอบด้วยวิริยสมาธิ... จิตตสมาธิ... วิมังสาสมาธิและปธานสังขาร นี้
เรียกว่า อิทธิบาทภาวนา.
[1240] ก็ปฏิปทาที่จะให้ถึงอิทธิบาทภาวนาเป็นไฉน อริยมรรค
ประกอบด้วยองค์ 8 นี้แหละ คือ สัมมาทิฏฐิ ฯลฯ สัมมาสมาธิ นี้เรียกว่า
ปฏิปทาที่จะให้ถึงอิทธิบาทภาวนา.
จบทุติยภิกขุสูตรที่ 9

10. โมคคัลลานสูตร



สรรเสริญพระโมคคัลลานะว่ามีฤทธิ์มาก



[1241] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา
แล้วตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้น เป็นไฉน
ภิกษุโมคคัลลานะมีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ
ได้กระทำให้มากซึ่งธรรมเหล่าไหน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ธรรมทั้งหลายของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นราก
ฐาน ฯลฯ

[1242] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุโมคคัลลานะมีฤทธิ์มาก
อย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท 4
อิทธิบาท 4 เป็นไฉน ภิกษุโมคคลัลานะย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วย
ฉันทสมาธิและปธานสังขารดังนี้ว่า ฉันทะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้อง
ประคองเกินไป ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก และเธอนีความ
สำคัญในเบื้องหลังและเบื้องหน้าอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น
เบื้องหลังฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบน
ฉันใด เบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใด
ย่อมกลางวันก็ฉันนั้น เธอมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่
เจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยวิริยสมาธิ . . . จิตสมาธิ . . . วิมังสาสมาฐิและ
ปธานสังขารดังนี้ว่า วิมังสาของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป ไม่ต้องประคองเกิน
ไป ฯลฯ เธอมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่ ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุโมคคัลลานะ มีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะ
ได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่งอิทธิบาท 4 เหล่านี้แล.
[1243] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุโมคคัลลานะแสดงฤทธิ์
ได้หลายอย่าง คือ คนเดียวเป็นหลายคนก็ได้ หลายคนเป็นคนเดียวก็ได้ ฯลฯ
ใช้อำนาจทางกายไปตลอดพรหมโลกก็ได้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำให้มากซึ่ง
อิทธิบาท 4 เหล่านี้.
[1244] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุโมคคัลลานะ ย่อมกระทำ
ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ อันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะทั้งหลาย

สิ้นไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบัน เข้าถึงอยู่ เพราะได้เจริญ ได้กระทำ
ให้มากซึ่งอิทธิบาท 4 เหล่านี้.
จบโมคคัลลานสูตรที่ 10

11. ตถาคตสูตร



พระตถาคตมีฤทธิ์มาก



[1245] ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาแล้ว
ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ตถาคตมีฤทธิ์มากอย่างนี้ มีอานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้กระทำ
ให้มากซึ่งธรรมเหล่าไหน ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธรรมทั้งหลายของข้าพระองค์ทั้งหลายมีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นรากฐาน ฯลฯ
[1246] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีฤทธิ์มากอย่างนี้ มี
อานุภาพมากอย่างนี้ เพราะได้เจริญ ได้การทำให้มากซึ่งอิทธิบาท อิทธิบาท
4 เป็นไฉน ตถาคตย่อมเจริญอิทธิบาทอันประกอบด้วยฉันทสมาธิและปธาน
สังขารดังนี้ว่า ฉันทะของเราจักไม่ย่อหย่อนเกินไป. ไม่ต้องประคองเกินไป
ไม่หดหู่ในภายใน ไม่ฟุ้งซ่านไปในภายนอก และตถาคตมีความสำคัญในเบื้อง
หน้าและเบื้องหลังอยู่ว่า เบื้องหน้าฉันใด เบื้องหลังก็ฉันนั้น เบื้องหลัง
ฉันใด เบื้องหน้าก็ฉันนั้น เบื้องล่างฉันใด เบื้องบนก็ฉันนั้น เบื้องบนฉันใด
เบื้องล่างก็ฉันนั้น กลางวันฉันใด กลางคืนก็ฉันนั้น กลางคืนฉันใด กลาง
วันก็ฉันนั้น ตถาคตมีใจเปิดเผย ไม่มีอะไรหุ้มห่อ อบรมจิตให้สว่างอยู่ ย่อม