เมนู

3. สารีปุตตสูตร



ความเป็นผู้มีมิตรดี


[8] สาวัตถีนิทาน. ครั้งนั้น ท่านพระสารีบุตรเข้าไปเฝ้าพระผู้มี
พระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว นั่ง ณ ที่ควร
ส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นเทียวนะ
พระเจ้าข้า.
[9] พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ถูกละ ถูกละ สารีบุตร ความเป็น
ผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น ดูก่อนสารีบุตร
ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรค
ประกอบด้วยองค์ 8 จักกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8.
[10] ดูก่อนสารีบุตร ก็ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ย่อม
เจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8 ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบ
ด้วยองค์ 8 อย่างไรเล่า ดูก่อนสารีบุตร ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญ
สัมมาทิฏฐิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ
ย่อมเจริญสัมมาสมาธิ อันอาศัยวิเวก อันอาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไป
ในการสละ ดูก่อนสารีบุตร ภิกษุผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี ย่อมเจริญ
อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8 ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคประกอบด้วย
องค์ 8 อย่างนี้แล.
[11] ดูก่อนสารีบุตร ข้อว่า ความเป็นผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อน
ดี นี้เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้น นั้นพึงทราบโดยปริยายแม้นี้ ด้วยว่าเหล่าสัตว์ผู้

มีชาติเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากชาติ ผู้มีชราเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจาก
ชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกข์
โทมนัส อุปายาสเป็นธรรมดา ย่อมพ้นไปจากโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส
อุปายาส เพราะอาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร ดูก่อนสารีบุตร ข้อว่า ความเป็น
ผู้มีมิตรดี มีสหายดี มีเพื่อนดี เป็นพรหมจรรย์ทั้งสิ้นนั้น พึงทราบโดย
ปริยายนี้แล.
จบสารีปุตตสูตรที่ 3

อรรถกถาสารีปุตตสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในสารีปุตตสูตรที่ 3.
บทว่า สกลมิทํ ภนฺเต ความว่า พระอานนทเถระ ไม่รู้ว่า มรรค
พรหมจรรย์แม้ทั้งสิ้นอันตนได้เพราะอาศัยกัลยาณมิตรดังนี้ เพราะยังไม่ถึงที่
สุดแห่งสาวกบารมีญาณ. ส่วนพระธรรมเสนาบดีได้รู้เเล้ว เพราะดำรงอยู่ใน
ที่สุดแห่งสาวกบารมีญาณ. เพราะฉะนั้น ท่านจึงกราบทูลอย่างนี้. เพราะเหตุ
นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ประทานสาธุการแก่พระเถระนั้นว่า สาธุ
สาธุ
ดังนี้.
จบอรรถกถาสารีปุตตสูตรที่ 3