เมนู

6. ปเทสสูตร



ว่าด้วยบุคคลจะชื่อว่าเป็นพระเสขะ


[781] สมัยหนึ่งท่านพระสารีบุตรท่านพระมหาโมคคัลลานะ
และ ท่านพระอนุรุทธะอยู่ ณ กัณฏกีวัน ใกล้เมืองสาเกต.
ครั้งนั้น
ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโมคคัลลานะออกจากที่พักผ่อนในเวลาเย็น
เข้าไปหาท่านพระอนุรุทธะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอนุรุทธะ ครั้น
ผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง. ครั้น
แล้ว ท่านพระสารีบุตรได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า
[782] ดูก่อนท่านอนุรุทธะ ที่เรียกว่า พระเสขะ ๆ ดังนี้ ด้วย
เหตุเพียงเท่าไรหนอ บุคคลจึงจะชื่อว่าเป็นพระเสขะ. ท่านพระอนุรุทธะตอบ
ว่า ดูก่อนผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน 4
ได้เป็นส่วน ๆ. สติปัฏฐาน 4 เป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นจิตใน
จิตอยู่ ... ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ
มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกเสีย. ดูก่อนผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่า
เป็นพระเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน 4 เหล่านี้แล ได้เป็นส่วน ๆ.
จบปเทสสูตรที่ 6

อรรถกถาปเทสสูตร


ในสูตรที่ 6.

คำว่า เพราะอบรมได้เป็นบางส่วน คือเพราะความ
ที่อบรมได้โดยเป็นบางส่วน. จริงอยู่ ผู้ที่กำลังทำให้มรรค 4 และผล 3 เกิดขึ้น
ชื่อว่าได้อบรมสติปัฏฐานได้เป็นบางส่วน.
จบอรรถกถาปเทสสูตรที่ 6

7. สมัตตสูตร



ว่าด้วยบุคคลจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ


[783] นิทานต้นสูตรเหมือนกัน. ครั้นท่านพระสารีบุตรนั่ง ณ ที่
ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ถามท่านพระอนุรุทธะว่า
[784] ดูก่อนท่านอนุรุทธะ ที่เรียกว่า พระอเสขะ ๆ ดังนี้ ด้วย
เหตุเพียงเท่าไรหนอ บุคคลจึงจะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ. ท่านพระอนุรุทธะ
ตอบว่า ดูก่อนผู้มีอายุ บุคคลที่จะชื่อว่าเป็นพระอเสขะ เพราะเจริญสติปัฏฐาน
4 ได้บริบูรณ์. สติปัฏฐาน 4 เป็นไฉน. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมพิจารณา
เห็นกายในกายอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ มีสติ กำจัดอภิชฌาและโทมนัส
ในโลกเสีย. ย่อมพิจารณาเห็นเวทนาในเวทนาอยู่ . . . ย่อมพิจารณาเห็นจิตใน
จิตอยู่ . . . ย่อมพิจารณาเห็นธรรมในธรรมอยู่ มีความเพียร มีสัมปชัญญะ