เมนู

อรรถกถาอัคคิสูตร



พึงทราบวินิจฉัยในอัคคิสูตรที่ 3.
บทว่า สติญฺจ ขฺวาหํ ภิกฺขเว สพฺพตฺถิกํ วทามิ ความว่า
เรากล่าวสติแล ว่าเหมือนเกลือสะตุ และเหมือนอำมาตย์ผู้ประกอบการงานทั้ง
ปวงอัน บุคคลพึงปวารถนาในที่ทั้งปวง. เกลือสะตุย่อมอยู่ แม้ในกับข้าวทั้ง
ปวงฉันใด และอำมาตย์ผู้ประกอบการงานทั้งปวง ย่อมทำหน้าที่รบ ทำหน้า
ที่ปรึกษาบ้าง ทำหน้าที่สนับสนุนบ้าง รวมความว่า ย่อมทำกิจทุกอย่างให้
สำเร็จได้ฉันใด การข่มจิตที่ฟุ้งซ่าน การยกจิตที่หดหู่ก็ฉันนั้น ดังนั้น กิจ
แม้ทั้งหมดจะสำเร็จได้ด้วยสติ เว้นสติเสียหาอาจยังกิจนั้นให้สำเร็จได้ไม่
เพราะฉะนั้น พระองค์จึงตรัสอย่างนี้. ในพระสูตรนี้ พระองค์ ตรัสโพชฌงค์
อันเป็นวิปัสสนาส่วนเบื้องต้นอย่างเดียว.
จบอรรถกถาอัคคิสูตรที่ 3

4. เมตตาสูตร



พรหมวิหาร 4


[573] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ นิคมของชาว
โกลิยะ ชื่อ หลิททวสนะ ในโกลิยชนบท ครั้งนั้น ภิกษุหลายรูปด้วยกัน
เวลาเช้านุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวรเข้าไปบิณฑบาตยังหลิททวสนนิคม ครั้ง
นั้น ภิกษุเหล่านั้นมีความดำริว่า เวลานี้เราจะเที่ยวไปบิณฑบาตยังหลิททวสน-