เมนู

11. จันทิมสูตร



ว่าด้วยพระจันทร์


[260] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แสงสว่างแห่งดวงดาว
ชนิดใดชนิดหนึ่ง ทั้งหมดนั้น ย่อมไม่ถึงเสี้ยวที่ 16 แห่งแสงสว่างของ
พระจันทร์ แสงสว่างของพระจันทร์ บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าแสงสว่างของ
ดวงดาวเหล่านั้น แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น มีความ
ไม่ประมาทเป็นมูล. . . ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ
จบจันทิมสูตรที่ 11

12. สุริยสูตร



ว่าด้วยพระอาทิตย์


[261] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในสรทสมัย ท้องฟ้า
บริสุทธิ์ ปราศจากเมฆ พระอาทิตย์ขึ้นไปสู่ท้องฟ้า ย่อมส่องแสงและแผดแสง
ไพโรจน์ กำจัดความมืดอันมีอยู่ในอากาศทั่วไป แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใด
เหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาทเป็นมูล. . . ฉันนั้นเหมือนกัน ฯลฯ
จบสุริยสูตรที่ 12

13. วัตถสูตร



ว่าด้วยผ้า


[262] สาวัตถีนิทาน. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผ้าที่ทอด้วยด้ายชนิดใด
ชนิดหนึ่ง ผ้าของชาวกาสี บัณฑิตกล่าวว่าเลิศกว่าผ้าที่ทอด้วยด้ายเหล่านั้น
แม้ฉันใด กุศลธรรมเหล่าใดเหล่าหนึ่ง ทั้งหมดนั้น มีความไม่ประมาท
เป็นมูล รวมลงในความไม่ประมาท ความไม่ประมาท บัณฑิตกล่าวว่าเลิศ
กว่ากุศลธรรมเหล่านั้น ฉันนั้นเหมือนกัน ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อันภิกษุผู้
ไม่ประมาท พึงหวังข้อนี้ได้ว่า จักเจริญอริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8 จัก
กระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8.
[263] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญ
อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบ
ด้วยองค์ 8 อย่างไรเล่า ภิกษุในธรรมวินัยนี้ ย่อมเจริญสัมมาทิฏฐิ อันอาศัย
วิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ฯลฯ ย่อมเจริญสัมมา-
สมาธิ อันอาศัยวิเวก อาศัยวิราคะ อาศัยนิโรธ น้อมไปในการสละ ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ไม่ประมาท ย่อมเจริญอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8
ย่อมกระทำให้มากซึ่งอริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ 8 อย่างนี้แล.
จบวัตถสูตรที่ 13
จบอัปปมาทวรรคที่ 10