เมนู

4. ชัมพุขาทกสังยุต


1. นิพพานปัญหาสูตร


ว่าด้วยปัญหานิพพาน


[497] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรอยู่ ณ บ้านนาลคาม แคว้น
มคธ ครั้งนั้นแล ปริพาชกชื่อว่าชัมพุขาทก เข้าไปหาท่านพระสารีบุตร
ถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระสารีบุตร ครั้นผ่านการปราศรัยพอใจ
ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ถามท่าน
พระสารีบุตรว่า ดูก่อนท่านสารีบุตร ที่เรียกว่า นิพพาน ๆ ดังนี้ นิพพาน
เป็นไฉนหนอ. ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูก่อนผู้มีอายุ ความสิ้นราคะ
ความสิ้นโทสะ. ความสิ้นโมหะ นี้เรียกว่านิพพาน.
. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็บรรดามีอยู่หรือ ปฏิปทามิอยู่หรือ เพื่อ
กระทำนิพพานนั้นให้แจ้ง.
สา. มีอยู่ ผู้มีอายุ.
. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็มรรคาเป็นไฉน ปฏิปทาเป็นไฉน เพื่อ
กระทำนิพพานนั้นให้แจ้ง.
สา. ดูก่อนผู้มีอายุ อริยมรรคประกอบด้วยองค์ 8 คือ ความเห็น
ชอบ ความดำริชอบ วาจาชอบ การงานชอบ เลี้ยงชีพชอบ เพียรชอบ
ตั้งสติชอบ ตั้งใจชอบ นี้แลเป็นมรรคา เป็นปฏิปทาเพื่อกระทำนิพพาน
นั้นให้แจ้ง.
. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ บรรดาดีนัก ปฏิปทาดีนัก เพื่อกระทำ
นิพพานให้แจ้ง และเพียงพอเพื่อความไม่ประมาท นะท่านสารีบุตร.
จบ นิพพานปัญหาสูตรที่ 1

ชัมพุขาทกสังยุต



อรรถกถานิพพานปัญหาสูตรที่ 1



พึงทราบวินิจฉัยในชัมพุขาทกสังยุต ดังต่อไปนี้
บทว่า ชมฺพุขาทโก ปริพฺพาชโก ความว่า ปริพาชกผู้นุ่งผ้า
เป็นหลานของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งมีชื่ออย่างนี้. บทว่า โย โข อาวุโส
ราคกฺขโย
ความว่า ราคะย่อมสิ้นไปเพราะอาศัยนิพพาน เพราะฉะนั้น
พระสารีบุตร จึงเรียกนิพพานว่า ความสิ้นราคะดังนี้. แม้ในความสิ้น
โทสะและโมหะก็มีนัยนี้เหมือนกัน.
ส่วนผู้ใด พึงกล่าวเพียงความสิ้นกิเลสว่านิพพานด้วยสูตรนี้ ผู้นั้น
พึงถูกถามว่ากิเลสของใครนั้น ของตนหรือ หรือของคนเหล่าอื่น. เข้าจัก
ตอบว่าของตนแน่. เขาต้องถูกถามต่อไปว่าอะไร เป็นอารมณ์ของโคตรภู-
ญาณ เมื่อร้จักตอบว่านิพพาน. ถามว่า ก็กิเลสทั้งหลายสิ้นแล้ว กำลังสิ้น
จักสิ้นในขณะแห่งโคตรภูญาณหรือ ตอบว่า เขาไม่พึงตอบว่า สิ้นแล้ว
หรือกำลัง. แต่พึงตอบว่า จักสิ้นดังนี้. ก็เมื่อกิเลสทั้งหลายเหล่านั้น
ยังไม่สิ้นแล้ว. โคตรภูญาณจะทำความสิ้นแห่งกิเลสให้เป็นอารมณ์ได้หรือ
เมื่อท่านถูกถามอย่างนี้แล้ว เขาจักไม่มีคำตอบ.
แต่ในข้อนี้ พึงประกอบความสิ้นกิเลสแม้ด้วยมรรคญาณ. ด้วยว่า
กิเลสทั้งหลาย แม้ในขณะแห่งมรรค ไม่ควรกล่าวว่า สิ้นแล้วหรือจักสิ้น
แต่ควร กล่าวว่า กำลังสิ้น อนึ่ง เมื่อกิเลสทั้งหลายยังไม่สิ้นไป ความสิ้น
กิเลสย่อมเป็นอารมณ์หาได้ไม่. เพราะฉะนั้นข้อนั้นควรรับได้. ธรรมมี