เมนู

อัฏฐสตปริยายวรรคที่ 3



1. สิวกสูตร



ว่าด้วยสิวกปริพาชกทูลถามปัญหา



[427] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ พระวิหาร
เวฬุวันกลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นแล โมฬิยสิวกปริพาชก
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ มี
สมณพราหมณ์พวกหนึ่งมีวาทะอยู่ไหน มีทิฏฐิอย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข
ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขทั้งมวล
นั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ ก็ในข้อนี้ท่านพระโคดมตรัส
อย่างไร. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนสิวกะ เวทนาบางอย่าง
มีดีเป็นสมุฏฐานก็มี ย่อมเกิดขึ้นในโลกนี้ ข้อที่เวทนาบางอย่างซึ่งมีดีเป็น
สมุฏฐานเถิดขึ้นในโลกนี้ บุคคลพึงทราบได้เองอย่างนี้ก็มี โลกสมมติว่า
เป็นของจริงก็มี ในข้อนั้นสมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิ
อย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง
สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขทั้งมวลนั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ
ย่อมแล่นไปสู่สิ่งที่รู้ด้วยตนเอง และแล่นไปสู่สิ่งที่สมมติกันว่าเป็นความจริง
ในโลก เพราะฉะนั้นเรากล่าวว่า เป็นความผิดของสมณพราหมณ์เหล่านั้น
เวทนาบางอย่างมีเสมหะเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ มีลมเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ

มีร่วมกันเป็นสมุฏฐานก็มี ฯลฯ เกิดแต่เปลี่ยนฤดูก็มี ฯลฯ เกิดแต่รักษาตัว
ไม่สม่ำเสมอก็มี ฯลฯ เกิดจากการถูกทำร้ายก็มี ฯลฯ เวทนาบางอย่างเกิด
แต่ผลของกรรมก็มี ย่อมเกิดขึ้นในโลกนี้ ข้อที่เวทนาบางอย่างซึ่งเกิดแต่
ผลของกรรมเกิดขึ้นในโลกนี้ บุคคลพึงทราบได้เองอย่างนี้ก็มีโลกสมมติว่า
เป็นของจริงก็มี ในข้อนั้นสมณพราหมณ์เหล่าใดมีวาทะอย่างนี้ มีทิฏฐิ
อย่างนี้ว่า บุคคลนี้ได้เสวยสุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขอย่างใดอย่างหนึ่ง
สุข ทุกข์ หรืออทุกขมสุขทั้งมวลนั้น มีการกระทำไว้ในปางก่อนเป็นเหตุ
ย่อมแล่นไปสู่สิ่งที่รู้ด้วยตนเอง และแล่นไปสู่สิ่งที่สมมติกันว่าเป็นความจริง
ในโลก เพราะฉะนั้นเรากล่าวว่าเป็นความผิด ของสมณพราหมณ์เหล่านั้น.
[428] เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสอย่างนี้แล้ว โมฬิยสิวก
ปริพาชกได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ ภาษิต
ของพระองค์แจ่มแจ้งนัก ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญภาษิตของพระองค์แจ่มแจ้ง
นัก ขอท่านพระโคดมโปรดทรงจำข้าพระองค์ว่าเป็นอุบาสกผู้ถึงสรณะจน
ตลอดชีวิต ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป.
[429] เรื่องดี 1 เสมหะ 1 ลม 1 ดี เสมหะ ลม
รวมกัน 1 ฤดู 1 รักษาตัวไม่สม่ำ เสมอ 1 ถูก
ทำร้าย 1 ผลของกรรม 1 เป็นที่ 8
.
จบ สิวกสูตรที่ 1

อรรถกถาอัฏฐสตปริยายวรรคที่ 3



อรรถกถาสิวกสูตรที่ 1



พึงทราบวินิจฉัยในสิวกสูตรที่ 1 แห่งวรรคที่ 3 ดังต่อไปนี้
บทว่า สิวโก ในบทว่า โมฬิยสิวโก เป็นชื่อของปริพาชกนั้น. ก็
จุกของปริพาชกนั้นมีอยู่ เพราะฉะนั้น เขาจึงเรียกว่า สิวกปริพาชกมีจุก.
บทว่า ปริพฺพาชโก ได้แก่ ปริพาชกผู้นุ่งผ้า บทว่า ปิตฺตสมุฏฺฐานานิ
ได้แก่ มีดีเป็นปัจจัย. บทว่า เวทยิตานิ คือเวทนา. เวทนา 3 ย่อมเกิด
ขึ้นในบุคคลนั้นเพราะดีเป็นปัจจัย. ถามว่า อย่างไร. ตอบว่า ฝ่ายบุคคล
บางคนคิดว่า ดีของเรากำเริบแล้ว ก็แล ชีวิตรู้ได้ยาก ย่อมให้ทาน
สมาทานศีล กระทำอุโบสถกรรม. กุศลเวทนา ย่อมเกิดขึ้นแก่บางคนนั้น
ด้วยอาการอย่างนี้. ส่วนบางคนคิดว่า เราจักทำเภสัชแก้ดี ย่อมฆ่าสัตว์
ลักทรัพย์ พูดเท็จ ย่อมทำทุสีลกรรม 10 ก็มี. อกุศลเวทนา ย่อมเกิดขึ้น
แก่บางคนนั้น ด้วยอาการอย่างนี้. แต่บางคนมีตนเป็นกลางว่า ดีของเรา
ย่อมไม่สงบด้วยการทำยา แม้ประมาณเท่านี้ เรื่องยานั้นพอกันที ย่อม
นอนอดกลั้นซึ่งเวทนาทางกาย. อัพยากตเวทนา ย่อมเกิดขึ้นแก่บางคนนั้น
ด้วยอาการอย่างนี้.
บทว่า สามํปิ โข เอตํ ความว่า บุคคลเห็นวิการแห่งดีนั้น ๆ แล้ว
ก็พึงทราบเวทนานั้นได้ด้วยตน. บทว่า สจฺจสมฺมตํ คือสมมติว่าเป็นจริง
ฝ่ายชาวโลกเห็นวิการแห่งดีมีวรรณะต่างพร้อมเป็นต้นที่สรีระของเขาแล้ว
ย่อมรู้ว่า ดีของเขากำเริบ. บทว่า ตสฺมา ความว่า เพราะแล่นไปสู่สิ่งที่รู้ด้วย