เมนู

เกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมเกิดมีแก่บุคคลผู้มีตัณหา
เป็นที่มายินดี ผู้ยินดีแล้วในตัณหา ผู้หมกมุ่นแล้วในตัณหา ผู้ไม่รู้ไม่เห็น
ความดับแห่งตัณหาตามความเป็นจริง.
[787] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่
ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หา
มิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่เกิดมีแก่บุคคลผู้ไม่มีตัณหาเป็นที่มา
ยินดี ผู้ไม่ยินดีแล้วในตัณหา ผู้ไม่หมกมุ่นแล้วในตัณหา ผู้รู้ผู้เห็น
ความดับแห่งตัณหาตามความเป็นจริง ดูก่อนเท่านี้ผู้มีอายุ ข้อนี้แลเป็น
ปริยายให้พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาข้อนี้.
. ดูก่อนท่าน ก็ปริยายแม้อื่นซึ่งเป็นเหตุให้พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาข้อนี้ พึงมีหรือ.
. ดูก่อนท่าน บัดนี้ ท่านยังปรารถนาอะไรในปัญหาข้อนี้ยิ่งขึ้น
ไปกว่านี้อีก ดูก่อนท่านสารีบุตร วัตรเพื่อบัญญัติย่อมไม่มีแก่ภิกษุผู้พ้น
วิเศษแล้วเพราะความสิ้นไปแห่งตัณหา.
จบ จตุตถสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 6

7. โมคคัลลานสูตร



ว่าด้วยวัจฉโคตรปริพาชกถามปัญหาพระโมคคัลลานะ



[788] ครั้งนั้นแล วัจฉโคตรปริพาชกเข้าไปหาท่านพระมหา
โมคคัลลานะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระมหาโมคคัลลานะ ครั้นผ่าน
การปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้น

แล้วได้ถามท่านพระมหาโมคคัลลานะว่า ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ โลกเที่ยง
หรือ ท่านพระมหาโมคคัลลานะตอบว่า ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหา
ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์
. ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ โลกไม่เที่ยงหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ โลกมีที่สุดหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ โลกไม่มีที่สุดหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ ชีพก็อันนั้นหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนโมคคัลลานะ ชีพเป็นอื่น สรีระก็เป็นอื่นหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนโมคคัลลานะ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.

. ดูก่อนโมคคัลลานะ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีก
หรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนโมคคัลลานะ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี
ย่อมไม่เกิดอีกก็มีหรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้าไม่
ทรงพยากรณ์.
. ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก
ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้ก็เป็นปัญหาที่พระผู้มีพระภาคเจ้า
ไม่ทรงพยากรณ์.
[789] . ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ อะไรหนอเป็นเหตุเป็น
ปัจจัยให้พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว พยากรณ์
อย่างนี้ว่า โลกเที่ยงบ้าง โลกไม่เที่ยงบ้าง โลกมีที่สุดบ้าง โลกไม่มีที่สุดบ้าง
ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้นบ้าง ชีพเป็นอย่างอื่น สรีระก็เป็นอย่างอื่นบ้าง
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีกบ้าง สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่
เกิดอีกบ้าง สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีบ้าง
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้บ้าง
ดูก่อนท่านโมคคัลลานะ ก็อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสมณโคดม
เมื่อถูกถามอย่างนี้แล้ว ไม่ทรงพยากรณ์อย่างนั้นว่า โลกเที่ยงก็ดี โลกไม่

เที่ยงก็ดี โลกมีที่สุดก็ดี โลกไม่มีที่สุดก็ดี ชีพก็อันนั้น สรีระก็อันนั้นก็ดี
ชีพเป็นอย่างอื่น สรีระก็เป็นอย่างอื่นก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อม
เกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่
ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี.
[790] . ดูก่อนวัจฉะ ก็เพราะพวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นย่อม
ตามเห็นจักษุว่า นั้นของเรา เราเป็นนั้น นั่นเป็นตัวตนของเรา ปริพาชก
ผู้ถือลัทธิอื่นย่อมตามเห็นหู . . . . จมูก . . . . ลิ้น . . . . กาย . . . . ใจว่า
นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา. เพราะเหตุนั้น เมื่อพวก
ปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นถูกถามอย่างนั้นแล้ว จึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลก
เที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ไม่เกิดอีก
ก็หามิได้บ้าง ดูก่อนวัจฉะ ส่วนพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อม
ทรงพิจารณาเห็นจักษุว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตน
ของเรา ย่อมทรงพิจารณาเห็น หู . . . . จมูก. . . . ลิ้น . . . . กาย . . . . ใจว่า
นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะฉะนั้น
เมื่อพระตถาคตถูกถามอย่างนั้นแล้ว จึงไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลก
เที่ยงก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิด
อีกก็หามิได้ก็ดี.
[791] ครั้งนั้นแล วัจฉโคตรปริพาชกลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วเข้าไป
เฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้น
ผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ โลกเที่ยง
หรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนวัจฉะ ปัญหาข้อนี้เป็นปัญหา
ที่เราไม่พยากรณ์ ฯลฯ.
. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก
ก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้หรือ.
. ดูก่อนวัจฉะ แม้ปัญหาข้อนี้เราก็ไม่พยากรณ์.
. ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรเหล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้พวก
ปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่น เมื่อถูกถามอย่างนั้นแล้ว ย่อมพยากรณ์อย่างนี้ว่า
โลกเที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่
เกิดอีกก็หามิได้บ้าง ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยได้
พระโคดมผู้เจริญ เมื่อถูกทูลถามอย่างนั้นแล้ว จึงไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้
ว่า โลกเที่ยงก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อม
ไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี.
[792] . ดูก่อนวัจฉะ พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นย่อมตาม
เห็นจักษุว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา พวกปริพาชก
ผู้ถือลัทธิอื่นย่อมตามเห็น หู . . . . จมูก. . . . ลิ้น . . . . กาย . . . . ใจว่า
นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตนของเรา เพราะเหตุนั้น เมื่อพวก
ปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นถูกถามอย่างนั้นแล้ว จึงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลก
เที่ยงบ้าง ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิด
อีกก็หามิได้บ้าง ดูก่อนวัจฉะ ส่วนพระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า

ย่อมทรงพิจารณาเห็นจักษุว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่
ตัวตนของเรา ย่อมทรงพิจารณาเป็น หู. . . .จมูก. . . .ลิ้น. . . .กาย. . . .
ใจว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่ตัวตนของเรา เพราะเหตุ
นั้น เมื่อตถาคตถูกถามอย่างนั้นแล้ว จึงไม่ทรงพยากรณ์อย่างนี้ว่า โลก
เที่ยงก็ดี. ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิด
อีกก็หามิได้ก็ดี.
[793] . ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมี ในข้อ
ที่อรรถกับอรรถ พยัญชนะกับพยัญชนะ ของศาสดากับของสาวก ย่อม
เทียบกันได้เข้ากันได้ ไม่ผิดเพี้ยนกันในบทที่สำคัญ ข้าแต่พระโคดมผู้เจริญ
เมื่อกี้นี้ข้าพระองค์ได้เข้าไปหาสมณมหาโมคคัลลานะแล้ว ได้ถามความข้อนี้
แม้สมณมหาโมคคัลลานะก็ได้พยากรณ์ความข้อนี้ ด้วยบทเหล่านี้ด้วย
พยัญชนะเหล่านี้ แก่ข้าพระองค์ ดุจพระโคดมผู้เจริญเหมือนกัน ข้าแต่
พระโคดมผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ไม่เคยมี ในข้อที่อรรถกับอรรถ พยัญชนะ
กับพยัญชนะ ของศาสดากับของสาวก ย่อมเทียบกันได้ เข้ากันได้
ไม่ผิดเพี้ยนกันในบทที่สำคัญ.
จบ โมคคัลลานะสูตรที่ 7

8. วัจฉสูตร



ว่าด้วยวัจฉโคตรปริพชกถามปัญหาพระผู้มีพระภาคเจ้า



[794] ครั้งนั้นแล วัจฉโคตรปริพาชกได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ได้ปราศรัยกับพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นผ่านการ
ปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้ว จึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว