เมนู

อรรถกถาปฐมสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 3



ในปฐมสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 3 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า รูปคตเมตํ ได้แก่เป็นเพียงรูปเท่านั้น. ในบทนี้ ท่าน
พระสารีบุตรแสดงว่า ใคร ๆ นอกจากรูปย่อมได้รับนามว่าสัตว์ ฉะนั้น
เมื่อไม่มีรูป สิ่งนั้นย่อมเป็นเพียงนามเท่านั้น. แม้ในบทว่า เวทนาคตเมตํ
เป็นต้น ก็นัยนี้แหละ บทว่า อยํ โข อาวุโส เหตุ ความว่า นี้คือ
สภาวะที่ไม่ควรได้รับ (ชื่อ) เพราะพ้นรูปเป็นต้น เป็นเหตุให้พระผู้มี
พระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาข้อนั้น.
จบ อรรถกถาปฐมสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 3

4. ทุติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตร

1

ว่าด้วยพระโกฏฐิตะถามปัญหาพระสารีบุตร



[773] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะ
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี ฯลฯ ได้มีคำถามอย่างนั้น
เหมือนกันว่า ดูก่อนท่าน อะไรเล่า เป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาข้อนั้น.
[774] ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุความเห็น
ว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมไม่เกิดก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มีย่อมไม่เกิดอีกก็มี
1. สูตรที่ 4 - 8 อรรถกถาแก้ว่ามีเนื้อความง่ายทั้งนั้น.

ก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้
ก็ดี ดังนี้ ย่อมเกิดมีแก่บุคคลผู้ไม่รู้ ไม่เห็นรูปตามความเป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็น
เหตุเกิดแห่งรูปตามความเป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็นความดับแห่งรูป ตามความ
เป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็นปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งรูปตามความเป็นจริง
ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้า
ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก ย่อม
ไม่เกิดอีกก็มีก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่
เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมเกิดมีแก่บุคคลผู้ไม่รู้ไม่เห็นเวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ ตามความเป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็นเหตุเกิดแห่งเวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ ตามความเป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็นความดับแห่งเวทนา สัญญา สังขาร
วิญญาณ ตามความเป็นจริง ไม่รู้ไม่เห็นปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่ง
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามความเป็นจริง.
[775] ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ก็แต่ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้า
แต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีกก็ดี สัตว์
เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีก็ดี สัตว์เบื้องหน้า
แต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่เกิด
มีแก่บุคคลผู้รู้ผู้เห็นรูปตามความเป็นจริง รู้เห็นเหตุเกิดแห่งรูปตามความ
เป็นจริง รู้เห็นความดับแห่งรูปตามความเป็นจริง รู้เห็นปฏิปทาเครื่องให้
ถึงความดับแห่งรูปตามความเป็นจริง ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตาย
แล้วย่อมเกิดอีกก็ดี สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมไม่เกิดอีกก็ดี สัตว์
เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ย่อมไม่เกิดอีกก็มีก็ดี สัตว์เบื้องหน้า

แต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมไม่เกิด
มีแก่บุคคลผู้รู้ผู้เห็นเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามความเป็นจริง
รู้เห็นเหตุเกิดแห่งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามความเป็นจริง
รู้เห็นความดับแห่งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ตามความเป็นจริง
รู้เห็นปฏิปทาเครื่องให้ถึงความดับแห่งเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ตามความเป็นจริง.
จบ ทุติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตรที่ 4

5. ตติยสารีปุตตโกฏฐิตสูตร



ว่าด้วยพระโกฏฐิตะถามปัญหาพระสารีบุตร



[776] สมัยหนึ่ง ท่านพระสารีบุตรและท่านพระมหาโกฏฐิตะ
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี ฯลฯ ได้มีคำถามอย่างนั้น
เหมือนกันว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ อะไรเล่าเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระผู้มี-
พระภาคเจ้าไม่ทรงพยากรณ์ปัญหาข้อนั้น.
[777] ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ความเห็น
ว่าสัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว
ย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ก็ดี ย่อมเกิดมีแก่บุคคลผู้ยัง
ไม่ปราศจากความกำหนัด ความพอใจ ความรัก ความระหาย ความเร่าร้อน
ความทะยานอยากในรูป ความเห็นว่า สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิด
อีกก็ดี ฯลฯ สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีก