เมนู

อรรถกถาอัพยากตสังยุต



อรรถกถาเขามาเถรีสูตรที่ 1



อัพยากตสังยุต สูตรที่ 1 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า เขมา ได้แก่อุบาสิกาของพระเจ้าพิมพิสาร เวลาเป็นคฤหัสถ์
เป็นคนมีศรัทธา บวชแล้วเป็นพระมหาเถรี ที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตั้งไว้
ในเอตทัคคะทางมีปัญญามาก โดยพระพุทธพจน์อย่างนี้ว่า ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย บรรดาภิกษุณีสาวิกาของเราผู้มีปัญญามาก ภิกษุณีเขมาเป็นยอด
บทว่า ปณฺฑิตา ได้แก่ประกอบด้วยความเป็นบัณฑิต. บทว่า พฺยตฺตา
ได้แก่ประกอบด้วยความเป็นผู้เฉียบแหลมบทว่า เมธาวินี ได้แก่ประกอบด้วย
ปัญญาเครื่องกำจัดกิเลส. บทว่า พหุสฺสุตา ได้แก่ประกอบด้วยความ
เป็นพหูสูต ทั้งทางปริยัตติ ทั้งทางปฏิเวธ.
บทว่า คณโก ได้แก่เป็นผู้ฉลาดคำนวณสิ่งที่ไม่แยกกัน ( นับ
ประมวล). บทว่า มุทฺทิโก ได้แก่เป็นผู้ฉลาดคำนวณด้วยแหวนมีอยู่ที่
นิ้วมือ (นับประเมิน). บทว่า สํขายโก ได้แก่เป็นผู้ฉลาดคำนวณสิ่งที่
เป็นก้อน (นับประมาณ ) บทว่า คมฺภีโร ได้แก่ลึกแปดหมื่นสี่พันโยชน์.
บทว่า อปฺปเมยฺโย ได้แก่ประมาณโดยคำนวณเป็นอาฬหกะไม่ได้. บทว่า
ทุปฺปรโยคาโห ได้แก่หยั่งลงเพื่อถือเอาประมาณโดยคำนวณเป็นอาฬหกะ
ได้ยาก. บทว่า เยน รูเปน ตถาคตํ ความว่า พึงบัญญัติตถาคตกล่าวคือ
สัตว์ว่า สูง ต่ำ ดำ ขาว ดังนี้ ด้วยรูปใด. บทว่า ตํ รูปํ ตถา-

คตสฺส ปหีนํ ความว่า รูปมีประการยังกล่าวแล้ว พระตถาคตผู้สัพพัญญู
ละได้แล้ว ด้วยการละตัณหา. บทว่า รูปสํขยา วิมุตฺโตห ความว่า พ้นจาก
การรับรองว่าเป็นรูปต่อไป โดยส่วนแห่งรูปและอรูปบ้าง จากการบัญญัติว่า
รูป เพราะระงับแม้โวหารว่า จักมีถึงปานนี้ ดังนี้บ้าง. บทว่า คมฺภีโร
ได้แก่ลึกเพราะความลึกทางอัธยาศัยด้วย เพราะความลึกทางคุณธรรมด้วย
อธิบายว่า เมื่อพระตถาคตผู้ลึกทางคุณธรรมนั้นมีอยู่อย่างนี้. คำว่า เบื้อง
หน้าแต่ตายแล้ว ตถาคตกล่าวคือสัตว์นี้ ย่อมมี นี้ ย่อมไม่เหมาะ ย่อม
ไม่ควร แม้คำว่า เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ตถาคตย่อมไม่มี เป็นต้น ย่อม
ไม่เหมาะย่อมไม่ควร แก่พระตถาคตผู้สัพพัญญู ผู้ทรงเห็นความไม่มีแห่ง
บัญญัตินั้น เพราะไม่มีข้อที่เป็นเหตุให้มีบัญญัติว่า ตถาคตกล่าวคือสัตว์
เป็นต้น.
บทว่า สํสนฺทิสฺสติ ได้แก่จักมีอย่างนี้. บทว่า สเมสฺสติ
ได้แก่จักมีติดต่อ. บทว่า น วิหายิสฺสติ ได้แก่จักไม่มีศัพท์ที่ผิดพลาด.
เทศนาว่า อคฺคปทสฺมึ ในที่นี้ ทรงประสงค์บทที่สำคัญ. แต่บทนี้
ตรัสโดยอธิการแห่งอัพยากตธรรม ซึ่งกล่าวไว้พิสดารแล้วในขันธิยวรรค
ที่ 2 นั่นแล.
จบ อรรถกถาเขมาเถรีสูตรที่ 1

2. อนุราธสูตร

1

ว่าด้วยพระอนุราธะพยากรณ์ปัญหา



[762] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ กูฏาคารศาลา ในป่า
มหาวัน ใกล้กรุงเวสาลี ก็สมัยนั้นแล ท่านพระอนุราธะก็อยู่ในกุฏีในป่า
ที่ไม่ไกลพระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้งนั้นแล พวกปริพาชกผู้ถือลัทธิอื่นเป็น
อันมาก เข้าไปหาท่านพระอนุราธะถึงที่อยู่ ได้ปราศรัยกับท่านพระอนุราธะ
ครั้นผ่านการปราศรัยพอให้ระลึกถึงกันไปแล้วจึงนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
ครั้นแล้วได้ถามท่านพระอนุราธะว่า ดูก่อนท่านอนุราธะพระตถาคตผู้เป็น
อุดมบุรุษ ผู้เป็นบรมบุรุษ ทรงบรรลุถึงธรรมอันควรบรรลุอย่างยอดเยี่ยม
แล้ว เมื่อจะทรงบัญญัติข้อนั้น ย่อมทรงบัญญัติในฐานะทั้ง 4 นี้ คือ
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิด
อีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์
เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้ ท่าน
พระอนุราธะตอบว่า ดูก่อนท่านทั้งหลาย พระตถาคตผู้เป็นอุดมบุรุษ ผู้
เป็นบรมบุรุษ ทรงบรรลุถึงธรรมอันควรบรรลุอย่างยอดเยี่ยมแล้ว เมื่อ
จะทรงบัญญัติข้อนั้น ย่อมทรงบัญญัตินอกจากฐานะทั้ง 4 นี้ คือ สัตว์
เบื้องหน้าแต่ตายแล้ว ย่อมเกิดอีก สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมไม่เกิดอีก
สัตว์เบื้องหน้าแต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็มี ไม่เกิดอีกก็มี หรือว่าสัตว์เบื้องหน้า
แต่ตายแล้วย่อมเกิดอีกก็หามิได้ ย่อมไม่เกิดอีกก็หามิได้.
1. อนุราธสูตรที่ 2 ไม่มีอรรถกถาแก้.