เมนู

ขวานและจอบเป็นต้น ก็ควรแสวงหาอย่างนี้. บทว่า ปุริโส ความว่า
ควรแสวงหาคนมาช่วยงาน คือ พูดกะคนใดคนหนึ่งว่า ท่านจักช่วยงาน
ได้ไหม เมื่อเขาบอกว่า กระผมจักช่วยขอรับควรให้เขาทำสิ่งที่ต้องการว่า
ท่านจงทำสิ่งนี้ ๆ. บทว่า น เตฺววาหํ คามณิ เกนจิ ปริยาเยน ความว่า
แต่เรามิได้กล่าวถึงทองและเงิน ว่าสมณศากยบุตรพึงแสวงหา ด้วยเหตุ
อะไร ๆ เลย.
จบ อรรถกถามณิจูฬกสูตรที่ 10

11. คันธภกสูตร



ว่าด้วยเหตุเกิดและดับแห่งทุกข์



[627] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ ณ อุรุเวลกัปปะ
นิคมของมัลลกษัตริย์ ในมัลลรัฐ. ครั้งนั้นแล นายบ้านนามว่า คันธภกะ
เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้า
แล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้า
ว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ขอประทานพระวโรกาส ขอพระผู้มี
พระภาคเจ้าโปรดทรงแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ข้าพระองค์เถิด
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนนายคามณี ก็เราพึงปรารภอดีตกาล
แสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอดีตกาลได้มีแล้วอย่างนี้
ความสงสัย ความเคลือบแคลงในข้อนั้นจะพึงมีแก่ท่าน ถ้าเราปรารภ
อนาคตกาลแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์แก่ท่านว่า ในอนาคตกาลจัก
มีอย่างนี้ แม้ในข้อนั้น ความสงสัย ความเคลือบแคลง จะพึงมีแก่ท่าน

อนึ่งเล่า เรานั่งอยู่ ณ ที่นี้แหละ จักแสดงเหตุเกิดและเหตุดับแห่งทุกข์
แก่ท่าน ซึ่งนั่งอยู่ที่นี้เหมือนกัน ท่านจงพึงคำนั้น จงใส่ใจให้ดีเราจักกล่าว
นายคันธภกคามณีทูลรับพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสพระดำรัสนี้ว่า ดูก่อนนายคามณี ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน
เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูก
ติเตียน มีแก่ท่านหรือ.
คา. มีอยู่ พระเจ้าข้า ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์โทมนัส
และอุปายาส พึงเกิดมีแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคม
ตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์ หรือถูกติเตียน.
. ดูก่อนนายคามณี ก็ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ในอุรุเวลกัปปนิคมตาย
ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียน มีอยู่แก่ท่านหรือ.
คา. มีอยู่ พระเจ้าข้า ที่ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัส
และอุปายาส ไม่พึงเกิดมีแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ ในอุรุเวลกัปป
นิคมตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียน.
. ดูก่อนนายคามณี อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก
ความร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะ
หมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมบางพวกตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือ
ถูกติเตียน ก็หรือว่าอะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยเครื่องให้ความโศก ความร่ำไร
ความทุกข์โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะหมู่มนุษย์ชาว
อุรุเวลกัปปนิคมบางพวกาตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียน.

คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความโศก ความร่ำไร ความทุกข์
โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุ-
เวลกัปปนิคมเหล่าใดตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือเพราะถูกติเตียน ก็
เพราะข้าพระองค์ มีฉันทราคะ ในหมู่มนุษย์ชาติอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น
ส่วนความโศก ความร่ำไร ความทุกข์โทมนัสและอุปายาส ไม่พึงเกิดขึ้น
แก่ข้าพระองค์ เพราะหมู่มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่าใดตาย ก็จองจำ
เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียน ก็เพราะข้าพระองค์ไม่มีฉันทราคะ ในหมู่
มนุษย์ชาวอุรุเวลกัปปนิคมเหล่านั้น พระเจ้าข้า.
. ดูก่อนนายคามณี ท่านจงนำไปซึ่งทุกข์อันใดด้วยธรรมที่เห็น
แล้วทราบแล้ว บรรลุแล้วโดยไม่ประกอบด้วยกาล หยั่งลงแล้ว ทั้งอดีต
และอนาคต ทุกข์เป็นอดีตกาลอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น
ทุกทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูล
แห่งทุกข์ ทุกข์เป็นอนาคตกาลอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเกิด จักเกิดขึ้น ทุกข์
ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ น่าอัศจรรย์ ไม่เคยมีมาแล้ว พระดำรัส
นี้ว่า ทุกข์เป็นอดีตกาลอย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์-
ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์
ทุกข์เป็นอนาคตกาลอย่างใดอย่างหนึ่ง เมื่อเกิด จักเกิดขึ้นทุกข์ทั้งหมดนั้น
มีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์ ดังนี้
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสดีแล้ว ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ กุมารนามว่าจิรวาสี
บุตรของข้าพระองค์มีอยู่ เขาอาศัยอยู่ภายนอกนคร ข้าพระองค์ลุกขึ้น

แต่เช้าตรู่ ส่งบุรุษไปด้วย สั่งว่า แน่ะนาย เจ้าจงไปจงทราบกุมารจิรวาสี
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บุรุษนั้นยังไม่มาเพียงใด ความกระวนกระวายใจ
ย่อมมีแก่ข้าพระองค์ว่า อะไร ๆ อย่าเบียดเบียนจิรวาสีกุมารเลย ดังนี้
เพียงนั้น ๆ.
[ 628 ] . ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความโศก ความ
ร่ำไร ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะจิรวาสี
กุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนหรือ.
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อจิรวาสีกุมารยังมีชีวิตอยู่
ข้าพระองค์ยังมีความกระวนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร ความ-
ทุกข์โทมนัสและอุปายาส จักไม่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะจิรวาสีกุมาร
ตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า.
. ดูก่อนนายคามณี ข้อนั้นพึงทราบโดยปริยายนี้ว่า ทุกข์อย่างใด
อย่างหนึ่งเมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล มีฉันทะ
เป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลแห่งทุกข์ ดูก่อนนายคามณี ท่านจะสำคัญ
ความข้อนั้นเป็นไฉน เมื่อใด ท่านไม่ได้เห็นมารดาของจิรวาสีกุมาร ไม่ได้
ฟังเสียง เมื่อนั้น ท่านมีความพอใจ ความกำหนัดหรือความรักในมารดา
ของจิรวาสีกุมารหรือ.
คา. ไม่ใช่อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
. เพราะอาศัยการเห็นหรือการฟัง ท่านจึงมีความพอใจ ความ
กำหนัดหรือความรักในมารดาของจิรวาสีกุมารหรือ.

คา. อย่างนั้น พระเจ้าข้า.
. ท่านจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน ความโศก ความร่ำไร
ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส พึงเกิดขึ้นแก่ท่าน เพราะมารดาของ
จิรวาสีกุมารตาย ถูกจำจอง เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนหรือ.
คา. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ แม้เมื่อมารดาของจิรวาสีกุมารมีชีวิตอยู่
ข้าพระองค์พึงมีความกระวนกระวายใจ ไฉนความโศก ความร่ำไร
ความทุกข์ โทมนัสและอุปายาส จักไม่เกิดขึ้นแก่ข้าพระองค์ เพราะมารดา
ของจิรวาสีกุมารตาย ถูกจองจำ เสื่อมทรัพย์หรือถูกติเตียนเล่า พระเจ้าข้า.
. ดูก่อนนายคามณี ท่านพึงทราบความข้อนั้นโดยปริยายนี้ว่า
ทุกข์อย่างใดอย่างหนึ่งเมื่อเกิด ย่อมเกิดขึ้น ทุกข์ทั้งหมดนั้นมีฉันทะเป็นมูล
มีฉันทะเป็นเหตุ เพราะฉันทะเป็นมูลเหตุแห่งทุกข์.
จบ คันธภกสูตรที่ 11

อรรถกถาคันธภกสูตรที่ 11



ในคันธภกสูตรที่ 11 พึงทราบวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า มลฺเลสุ ได้เเก่ในชนบทชึ่งมีชื่ออย่างนั้น. บทว่า วเธน
แปลว่า ตาย. บทว่า ชานิยา แปลว่า เสื่อมทรัพย์. บทว่า อกาลิเกน
ปตฺเตน
ความว่า บรรลุในระหว่างกาล คือบรรลุไม่ล่วงเลยกาล หามิได้.
บทว่า จิรวาสี นาม กุมาโร ได้แก่บุตรของนายบ้านนั้น มีชื่ออย่างนั้น.
บทว่า พหิอาวาสเถ ปฏิวสติ ความว่า อยู่เรียนศิลปะบางอย่าง
นอกเมือง. ในสูตรนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถึงทุกข์ในวัฏฏะ.
จบ อรรถกถาคันธภกสูตรที่ 11