เธออย่าประมาทเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน จงดำรงจิตไว้ในเนวสัญญา-
นาสัญญายตนฌาน จงกระทำจิตให้เป็นธรรมเอกผุดขึ้น ในเนวสัญญา-
สัญญายตนฌาน จงตั้งจิตไว้ให้มั่นในเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน สมัย
ต่อมาเราเข้าเนวสัญญานาสัญญายตนฌานเพราะล่วงอากิญจัญญายตนฌาน
เสียได้โดยประการทั้งปวง. ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ก็บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก
พึงพูดคำใดว่า. สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้
ยิ่งใหญ่ บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก พึงพูดคำนั้นกะเราว่า สาวกอันพระศาสดา
ทรงอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่.
จบ เนวสัญญานาสัญญายตนฌานปัญหาสูตรที่ 8
9. อนิมิตตปัญหาสูตร
ว่าด้วยปัญหาเรื่องอนิมิตตเจโตสมาธิ
[523] ที่เรียกว่า อนิมิตตเจโตสมาธิ ๆ ดังนี้ อนิมิตตเจโต
สมาธิเป็นไฉนหนอ. เราได้มีความคิดอย่างนี้ว่า ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้
เข้าอนิมิตตเจโตสมาธิอยู่ เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง นี้เรียก
ว่าอนิมิตตเจโตสมาธิ เราก็เข้าอนิมิตตเจโตสมาธิอยู่ เพราะไม่กระทำไว้
ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง เมื่อเราอยู่ด้วยวิหารธรรมนี้ วิญญาณอันซ่านไปตาม
ซึ่งอนิมิตย่อมมี ครั้งนั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จเข้าไปหาเราด้วย
พระฤทธิ์ แล้วได้ตรัสว่า โมคคัลลานะ ๆ เธออย่าประมาทอนิมิตตเจโต
สมาธิ จงดำรงจิตไว้ในอนิมิตตเจโตสมาธิ จงกระทำจิตให้เป็นธรรมเอก
ผุดขึ้นในอนิมิตตเจโตสมาธิ จงตั้งจิตไว้ให้มั่นในอนิมิตตเจโตสมาธิสมัยต่อ
มา เราเข้าอนิมิตตเจโตสมาธิอยู่ เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนิมิตทั้งปวง
ดูก่อนผู้มีอายุฟุ้งหลาย ก็บุคคลเมื่อจะพูดให้ถูก พึงพูดคำใดว่า สาวกอัน
พระศาสดาทั้งอนุเคราะห์แล้ว ถึงความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่ บุคคลเมื่อจะพูด
ให้ถูก พึงพูดคำนั้นกะเราว่า สาวกอันพระศาสดาทรงอนุเคราะห์แล้วถึง
ความเป็นผู้รู้ยิ่งใหญ่.
[524] ครั้งนั้นแล ท่านพระมหาโมคคัลลานะหายจากพระวิหาร
เชตวันไปปรากฏในดาวดึงสเทวโลก เหมือนบุรุษมีกำลังพึงเหยียดแขนที่
คู้ หรือพึงดู้แขนที่เหยียด ฉะนั้น ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพกับ
เทวดา 500 องค์ เข้าไปหาท่านพระโมคคัลลานะถึงที่อยู่ ไหว้ท่านพระ.
มหาโมคคัลลานะแล้ว ได้ประทับยืนอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้ว
ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้พูดกะท้าวสักกะจอมเทพว่า ดูก่อนจอมเทพ
การถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะดีนัก เพราะเหตุแห่งการถึงพระพุทธเจ้าเป็น
สรณะ สัตว์บางพวกในโลกนี้ เมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลก
สวรรค์ การถึงพระธรรมเป็นสรณะดีนัก การถึงพระสงฆ์เป็นสรณะดีนัก
เพราะเหตุแห่งการถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ สัตว์บางพวกในโลกนี้ เมื่อแตก
กายตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ ท้าวสักกะจอมเทพตรัสว่า ข้าแต่
พระโมคคัลลานะผู้นิรทุกข์ การถึงพระพุทธเจ้าเป็นสมณะดีนัก เพราะเหตุ
แห่งการถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ สัตว์บางพวกในโลกนี้ เมื่อแตกกาย
ตายไป ย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ การถึงพระธรรมเป็นสรณะดีนัก . . .
การถึงพระสงฆ์เป็นสรณะดีนัก เพราะเหตุแห่งการถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ
สัตว์บางพวกในโลกนี้ เมื่อแตกกายตายไปย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์.
จบ อนิมิตตปัญหาสูตรที่ 9
อรรถกถาอนิมิตตปัญหาสูตรที่ 9
บทว่า อนิมิตฺตํ เจโตสมาธิ นั้น พระเถระกล่าวหมายถึงวิปัสสนา-
สมาธิทูลนิมิตว่าเที่ยงเป็นต้นได้แล้วเป็นไป. บทว่า อนิมิตฺตานุสาริ-
วิญฺญาณํ โหติ ความว่า เมื่อเราอยู่ด้วยวิปัสสนาสมาธิวิหารธรรมนี้อย่างนี้
วิปัสสนาญาณก็แก่กล้า ละเอียดนำไปอยู่เหมือนเมื่อบุรุษเอาขวานที่คม
ตัดต้นไม้อยู่ มองดูอยู่ซึ่งคมขวานในทุกขณะด้วยคิดว่า ขวานของเรา
จริงหนอดังนี้ กิจในการตัด ก็ย่อมไม่สำเร็จฉันใด แม้พระเถระ ปรารภ
วิปัสสนาด้วยคิดว่าญาณของเราแก่กล้าจริงหนอดังนี้ ความใคร่ ก็ย่อมเกิด
ขึ้น เมื่อเป็นเช่นนั้น พระเถระนั้น ก็ไม่สามารถให้วิปัสสนากิจสำเร็จได้
ฉันนั้น. พระเถระหมายถึงข้อนั้น จึงกล่าวว่า อนิมิตฺตานุสาริวิญฺญาณํ
โหติ. บทว่า สพฺพนิมิต ตานํ อมนสิการา อนิมิตฺตํ เจโตสมาธิ
อุปสมฺปชฺช วิหาสึ ความว่า เราเข้าเจโตสมาธิที่สัมปยุตด้วยวุฏฐานคามิ-
นีวิปัสสนา และสมาธิในมรรคและผลเบื้องสูง ซึ่งมีนิพพานเป็นอารมณ์
อันไม่มีนิมิต เพราะไม่กระทำไว้ในใจซึ่งนิมิตว่าเที่ยงเป็นสุขเป็นตน
ทั้งปวงอยู่แล้ว
จบ อรรถกถาอนิมิตตปัญหาสูตรที่ 9
10. สักกสูตร
ว่าด้วยพระมหาโมคคัลลานเถระแสดงธรรมแก่ท้าวสักกะ
[525] ครั้งนั้น ท้าวสักกะจอมเทพกับเทวดา 600 องค์ ฯลฯ
700 องค์ ฯลฯ 800 องค์ ฯลฯ