เมนู

9. ปฐมปริยาทานสูตร


ว่าด้วยทรงแสดงธรรมเพื่อความครอบงำอุปาทาน


[ 64 ] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมเพื่อความ
ครอบงำอุปาทานทั้งปวงแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงพึงธรรมนั้น ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเพื่อความครอบงำอุปาทานทั้งปวงเป็นไฉน. อาศัย
จักษุและรูป เกิดจักษุวิญญาณ รวมธรรม 3 ประการเป็นผัสสะ เพราะ
ผัสสะเป็นปัจจัยจึงเกิดเวทนา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกได้สดับแล้ว
เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่าย ทั้งในจักษุ ทั้งในรูป ทั้งในจักษุวิญญาณ
ทั้งในจักษุสัมผัส ทั้งในเวทนา เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะ
คลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น เธอย่อมทราบชัดว่า เราครอบงำอุปาทาน
ได้แล้วว่าหลุดพ้น ฯลฯ อาศัยใจและธรรมารมณ์ จึงเกิดมโนวิญญาณ
รวมธรรม 3 ประการเป็นผัสสะ เพราะผัสสะเป็นปัจจัย จึงเกิดเวทนา
อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในใจ ทั้งใน
ธรรมารมณ์ ทั้งในมโนวิญญาณ ทั้งในมโนสัมผัส ทั้งในเวทนา เมื่อ
เบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น เธอย่อม
ทราบชัดว่า เราครอบงำอุปาทานได้แล้วว่าหลุดพ้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
นี้แลเป็นธรรมเพื่อความครอบงำอุปาทานทั้งปวง.
จบ ปฐมปริยาทานสูตรที่ 9

10. ทุติยปริยาทานสูตร


ว่าด้วยทรงแสดงธรรมเพื่อความครอบงำอุปาทาน


[ 65 ] พ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมเพื่อความ
ครอบงำอุปาทานทั้งปวงแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟังธรรมนั้น ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเพื่อความครอบงำอุปาทานทั้งปวงเป็นไฉน. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เธอจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน จักษุเที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ไม่เที่ยงพระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า.
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
พ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
ควรหรือที่จะตามเห็นสิ่งนั้นว่า นั่นของเรา เราเป็นนั่น นั่นเป็นตัวตน
ของเรา.
ภิ. ไม่ควรเห็นอย่างนั้น พระเจ้าข้า.
พ. รูป ฯลฯ จักษุวิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. จักษุสัมผัสเที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
พ. สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะ
จักษุสัมผัสเป็นปัจจัย เที่ยงหรือไม่เที่ยง.
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.