เมนู

7. อันธภูตสูตร


ว่าด้วยสิ่งทั้งปวงเป็นสิ่งมืดมน


[ 32 ] ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ พระวิหารเวฬุวัน
กลันทกนิวาปสถาน กรุงราชคฤห์ ณ ที่นั้นแล พระผู้มีพระภาคเจ้าได้
ตรัสกะภิกษุทูลหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งทั้งปวงเป็นสีมืดมน
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งทั้งปวงที่เป็นสิ่งมืดมน คืออะไร. คือ จักษุ
รูป จักษุวิญญาณ จักษุสัมผัส เป็นสิ่งมืดมน แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา
หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ก็เป็นสิ่ง
มืดมน มืดมนเพราะอะไร. เรากล่าวว่า มืดมนเพราะชาติ ชรา มรณะ
โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ฯลฯ ใจ ธรรมารมณ์ มโน-
วิญญาณ มโนสัมผัส เป็นสิ่งมืดมน แม้สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรือ
อทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ก็เป็นสิ่งมืดมน
มืดมนเพราะอะไร. เรากล่าวว่า มืดมนเพราะชาติ ชรา มรณะ โสกะ
ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้
ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในจักษุ ทั้งในรูป ทั้งใน
จักษุวิญญาณ ทั้งในจักษุสัมผัส ทั้งในสุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขม-
สุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ ย่อมเบื่อหน่ายทั้ง
ในใจ ทั้งในธรรมารมณ์ ทั้งในมโนวิญญาณ ทั้งในมโนสัมผัส ทั้งใน
สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโน-

สัมผัสเป็นปัจจัย เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะคลายกำหนัด.
จิตย่อมหลุดพ้น เมื่อหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า หลุดพ้นแล้ว
รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว
กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไวยากรณ์
ภาษิตนี้จบลงแล้ว ภิกษุเหล่านั้นต่างชื่นชมยินดีภาษิตของพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้า ก็แหละเมื่อพระองค์ได้ตรัสไวยากรณ์ภาบิตนี้อยู่ ภิกษุเหล่านั้น
ต่างมีจิตหลุดพ้นจากอาสวะ เพราะไม่ถือมั่น ดังนี้แล.
จบ อันธภูตสูตรที่ 7

อรรถกถาอันธภูตสูตรที่ 7


ในอันธภูตสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้
บทว่า อนฺธภูตํ ความว่า ครอบงำ ท่วมทับ อธิบายว่า ขัดขวาง
แล้ว. ในพระสูตรแม้นี้ ตรัสเฉพาะทุกขลักขณะเท่านั้น.
จบ อรรถกถาอันธภูตสูตรที่ 7

8. สารุปปสูตร


ว่าด้วยทรงแสดงข้อปฏิบัติอันสมควรแก่การเพิกถอนสิ่งทั้งปวง


[ 33 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงข้อปฏิบัติอันสมควรแก่
การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหามานะทิฏฐิแก่เธอทั้งหลาย
เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ข้อ
ปฏิบัติอันสมควรแก่การเพิกถอนซึ่งความสำคัญสิ่งทั้งปวงด้วยตัณหา มานะ