เมนู

9. ปฐมหัตถปาทปัพพสูตร


ว่าด้วยข้อมือข้อเท้าเปรียบเทียบกับอายตนะ


[305] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมือทั้ง 2 มีอยู่ การจับและ
การวางก็ปรากฏ เมื่อเท้าทั้ง 2 มีอยู่ การก้าวไปและถอยกลับก็ปรากฏ
เมื่อข้อทั้งหลายมีอยู่ การคู้เข้าและเหยียดออกก็ปรากฏ เมื่อท้องมีอยู่
ความหิวและความระหายก็ปรากฏ ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อจักษุมีอยู่
สุขและทุกข์อันเป็นกายในย่อมเกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ
เมื่อใจมีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัส
เป็นปัจจัย ฉันนั้นเหมือนกัน.
[306] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมือทั้ง 2 ไม่มี การจับและ
การวางก็ไม่ปรากฏ เมื่อเท้าทั้ง 2 ไม่มี การก้าวไปและถอยกลับก็ไม่ปรากฏ
เมื่อข้อทั้งหลายไม่มี การคู้เข้าและเหยียดออกก็ไม่ปรากฏ เมื่อท้องไม่มี
ความหิวและความระหายก็ไม่ปรากฏ ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อ
จักษุไม่มี สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัสเป็น
ปัจจัย ฯลฯ เมื่อใจไม่มี สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมไม่เกิดขึ้น เพราะ
มโนสัมผัสเป็นปัจจัย ฉันนั้นเหมือนกัน.
จบ ปฐมหัตถปาทปัพพสูตรที่ 9

อรรถกถาปฐมหัตถปาทปัพพสูตรที่ 9


ในปฐมหัตถปาทปัพพสูตรที่ 9 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า หตฺเถสุ ภิกฺขเว สติ ความว่า เมื่อมือมีอยู่.
จบ อรรถกถาปฐมหัตถปาทปัพพสูตรที่ 9

10. ทุติยหัตถปาทปัพพสูตร


ว่าด้วยการเปรียบเทียบอายตนะกับข้อมือข้อเท้า


[307] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมือทั้ง 2 มี การจับและการวาง
ก็มี เมื่อเท้าทั้ง 2 มี การก้าวไปและถอยกลับก็มี เมื่อข้อทั้งหลายมี
การคู้เข้าและเหยียดออกก็มี เมื่อท้องมี ความหิวและความระหายก็ ฉันใด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อจักษุมีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายในย่อมเกิดขึ้น
เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ เมื่อใจมีอยู่ สุขและทุกข์อันเป็นภายใน
ย่อมเกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ฉันนั้นเหมือนกัน.
[308] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อมือทั้ง 2 ไม่มี การจับและ
การวางก็ไม่มี เมื่อเท้าทั้ง 2 ไม่มี การก้าวไปและถอยกลับก็ไม่มี เมื่อข้อ
ทั้งหลายไม่มี การคู้เข้าและเหยียดออกก็ไม่มี เมื่อท้องไม่มี - ความหิว
และความระหายก็ ไม่มี ฉันใด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อจักษุไม่มี สุขและ
ทุกข์อันเป็นภายในไม่เกิดขึ้น เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ฯลฯ เมื่อใจไม่มี
สุขและทุกข์อันเป็นภายในก็ไม่เกิดขึ้น เพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย ฉันนั้น
เหมือนกัน.
จบ ทุติยหัตถปาทปัพพสูตรที่ 10
สมุททวรรคที่ 3