เมนู

7. ตติยฉันทสูตร


ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่เป็นอนัตตา


[259] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลาย
พึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในจักษุนั้น
เสีย หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา
ใจเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยฉันทสูตรที่ 7

8. ตติยราคสูตร


ว่าด้วยการละราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละราคะโนจักษุนั้นเสีย หูเป็น
อนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา
เธอทั้งหลายพึงละราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยราคสูตรที่ 8

9. ตติยฉันทราคสูตร


ว่าด้วยการละฉันทราคะในสิ่งที่เป็นอนัตตา


ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะ
ในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าเป็นอนัตตา. ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย จักษุเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในจักษุนั้นเสีย
หูเป็นอนัตตา จมูกเป็นอนัตตา ลิ้นเป็นอนัตตา กายเป็นอนัตตา ใจเป็น
อนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในใจนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สิ่งใดเป็นอนัตตา เธอทั้งหลายพึงละฉันทราคะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ ตติยฉันทราคสูตรที่ 9

10. จตุตถฉันทสูตร


ว่าด้วยการละฉันทะในสิ่งที่ไม่เที่ยง


[260] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่งใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละ
ฉันทะในสิ่งนั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็สิ่งอะไรเล่าไม่เที่ยง. ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย รูปไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในรูปนั้นเสีย เสียง
ไม่เที่ยง กลิ่นไม่เที่ยง รสไม่เที่ยง โผฏฐัพพะไม่เที่ยง ธรรมารมณ์ไม่เที่ยง
เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในธรรมารมณ์นั้นเสีย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สิ่ง
ใดไม่เที่ยง เธอทั้งหลายพึงละฉันทะในสิ่งนั้นเสีย.
จบ จตุตถฉันทสูตรที่ 10