เมนู

อรรถกถาทุติยนตุมหากสูตรที่ 9


นตุมหากสูตรที่ 9 ตรัสด้วยอัธยาศัยของบุคคลผู้จะตรัสรู้ ด้วย
อำนาจข้อธรรมล้วน ๆ อย่างเดียว. ส่วนเนื้อความแม้ในสูตรทั้งสองพึง
ทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในขันธิกวรรคนั่นแล.
จบ อรรถกถาทุติยนตุมหากสูตรที่ 9

10. อุททกสูตร


ว่าด้วยอุททกดาบส


[151] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบสรามบุตร
ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว
เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราขุด
เสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อุททกดาบสรามบุตรยังเป็นผู้ไม่จบเวทก็กล่าวว่าเราเป็นผู้จบเวท
ยังเป็นผู้ไม่ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่าเราเป็นผู้ชนะทุกอย่าง ยังไม่ได้ขุด
มูลรากแห่งทุกข์ ก็กล่าวว่า เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ได้แล้ว ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุเมื่อจะกล่าวข้อนั้นโดยชอบ ควรกล่าวว่า เราขอบอก
เราเป็นผู้จบเวทโดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดย
ส่วนเดียว เราขอบอก เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบเวทอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุย่อมรู้ตามความเป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบาย
เครื่องสลัดออกแห่งผัสสายตนะ 6 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุย่อมเป็นผู้จบ
เวทอย่างนี้แล ภิกษุย่อมเป็นผู้ชนะทุกอย่างอย่างไร ภิกษุรู้แจ้งตามความ


เป็นจริงซึ่งความเกิด ความดับ คุณ โทษ และอุบายเครื่องสลัดออก
แห่งผัสสายตนะ 6 เป็นผู้หลุดพ้นแล้วเพราะไม่ถือมั่น ภิกษุย่อมเป็น
ผู้ชนะทุกอย่างอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุด
ไม่ได้ อันภิกษุขุดได้แล้วอย่างไร ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คำว่า " คัณฑะ"
นี้ เป็นชื่อของกายนี้ อันเป็นที่ประชุมแห่งมหาภูตรูป 4 ซึ่งมีมารดาบิดา
เป็นแดนเกิด เติบโตขึ้นเพราะข้าวสุกและขนมสด มีความไม่เที่ยง ต้องขัดสี
นวดฟั้น แตกสลายกระจัดกระจายเป็นธรรมดา คำว่า " คัณฑมูล" นี้
เป็นชื่อของตัณหา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัณหาภิกษุละเสียแล้ว ให้มีราก
ขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนตาลยอดด้วน ทำให้ไม่มีไม่เกิดขึ้นต่อไป
เป็นธรรมดา ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มูลรากแห่งทุกข์ที่ใคร ๆ ขุดไม่ได้
ภิกษุขุดเสียแล้วอย่างนี้แล ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ได้ยินว่า อุททกดาบส-
รามบุตร ย่อมกล่าววาจาอย่างนี้ว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวทโดย
ส่วนเดียว เราขอบอก เราชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก
เราขุดเสียแล้วซึ่งมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย อุททกดาบสรามบุตรยังเป็นผู้ไม่จบเวท ก็กล่าวว่า เราเป็นผู้จบเวท
ยังไม่เป็นผู้ชนะทุกอย่าง ก็กล่าวว่า เราชนะทุกอย่าง ยังขุดมูลรากแห่งทุกข์
ไม่ได้. ก็กล่าวว่า เราขุดมูลรากแห่งทุกข์เสียแล้ว ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
ภิกษุเมื่อจะกล่าวข้อนี้โดยชอบ ควรกล่าวว่า เราขอบอก เราเป็นผู้จบเวท
โดยส่วนเดียว เราขอบอก เราเป็นผู้ชนะทุกอย่างโดยส่วนเดียว เราขอบอก
เราขุดมูลรากแห่งทุกข์ที่ใครขุดไม่ได้โดยส่วนเดียว.
จบ อุททกสูตรที่ 10
จบ ฉฬวรรคที่ 5

อรรถกถาอุททกสูตรที่ 10


ในอุททกสูตรที่ 10 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
ศัพท์ว่า สุทํ ในบทว่า อุทโก สุทํ นี้ เป็นเพียงนิบาต. บทว่า
อุทโก เป็นชื่อของสูตรนั้น. บทว่า อิทํ ในบทว่า อิทํ ชาตุ เวทคู นี้
เป็นเพียงนิบาต. อีกอย่างหนึ่ง เมื่อทรงแสดงว่า ท่านจงฟังคำของเรานี้
จึงได้ตรัสอย่างนั้น. บทว่า ชาตุ เวทคู ความว่า เราจบเวทโดยส่วนเดียว
อธิบายว่า ไปในเวไนยสัตว์ ด้วยญาณกล่าวคือ เวท หรือถึง คือ บรรลุเวท
เป็นบัณฑิต. ด้วยบทว่า ปพฺพชิ ตรัสว่า เรารู้ ครอบงำ วัฏฏะทั้งปวง
แล้วชนะโดยส่วนเดียว. บทว่า อปลิขตํ คณฺฑมูลํ ได้แก่ รากทุกข์
ยังไม่ได้ขุด. ด้วยบทว่า ปริขณึ ทรงแสดงว่า เราขุดรากทุกข์ที่ขุดแล้ว
ตั้งอยู่.
บทว่า มาตาเปตฺติกสมฺภวสฺส ได้แก่ เกิดด้วยเลือดสุกกะ (ขาว)
ซึ่งแบ่งจากมารดาและบิดา คือ ของมารดาบิดา. บทว่า โอทนกุมฺมาสูป-
จยสฺส
ได้แก่ ก่อสร้างด้วยข้าวสุกและขนมสด. ในบทว่า อนิจฺจุจฺฉาทน-
ปริมทฺทนเภทนวิทฺธํสนธมฺมสฺส
นี้ มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
กายนี้ ชื่อว่า มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา เพราะมีแล้วกลับไม่มี
ชื่อว่า อบเป็นธรรมดา เพราะลูบไล้ด้วยของหอม เพื่อประโยชน์แก่การ
กำจัดกลิ่นเหม็น, ชื่อว่า มีการอาบนวดเป็นธรรมดา เพราะใช้น้ำและนวด
เพื่อประโยชน์จะบรรเทาความเจ็บปวดอวัยวะน้อยใหญ่. อีกอย่างหนึ่ง
ชื่อว่า มีการประคบประหงมเป็นธรรมดา โดยหยอดยาตาการดัดเป็นต้น
เพื่อความสมบูรณ์แก่ทรวดทรงแห่งอวัยวะนั้น ๆ ที่ทรวดทรงไม่ดี เพราะอยู่
ในครรภ์ คลอดแล้วก็ให้อยู่ที่ระหว่างขาเวลาเป็นทารก.