เมนู

6. สมาธิสูตร


ว่าด้วยสมาธิ


[ 147] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงเจริญสมาธิเถิด
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุมีจิตตั้งมั่นแล้ว ย่อมรู้ตามความเป็นจริง รู้อะไร
ตามความเป็นจริง. รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุไม่เที่ยง รู้ตามความเป็น
จริงว่า รูปทั้งหลายไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุวิญญาณไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุสัมผัสไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า สุขเวทนา
ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย
ไม่เที่ยง ฯลฯ รู้ตามความเป็นจริงว่า ใจไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า
ธรรมารมณ์ทั้งหลายไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า มโนวิญญาณไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า มโนสัมผัสไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า สุขเวทนา
ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะมโนสัมผัสเป็นปัจจัย
ไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย จงเจริญสมาธิเถิด ดูก่อนภิกษุ
ทั้งหลาย ภิกษุมีจิตตั้งมั่นแล้วย่อมรู้ตามความเป็นจริง.
จบ สมาธิสูตรที่ 6

อรรถกถาสมาธิสูตรที่ 6


ในสมาธิสูตรที่ 6 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า สมาธิ ได้แก่ ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง. จริงอยู่
พระองค์เห็นบุคคลผู้เสื่อมจากความเป็นผู้มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ทรงรู้ว่า
เมื่อคนเหล่านี้ ได้ความที่จิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง กรรมฐานจักต้องมีพี่เลี้ยง
นางนมดังนี้แล้ว จึงตรัสพระสูตรนี้.
จบ อรรถกถาสมาธิสูตรที่ 6

7. ปฏิสัลลีนสูตร


ว่าด้วยการอยู่ในที่สงัด


[ 148 ] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเมื่ออยู่ในที่สงัด จง
ประกอบความเพียรเถิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้อยู่ในที่สงัดย่อมรู้ตาม
ความเป็นจริง. รู้อะไรตามความเป็นจริง รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุไม่
เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า รูปทั้งหลายไม่เที่ยง. รู้ตามความเป็นจริงว่า
จักษุวิญญาณไม่เที่ยง. รู้ตามความเป็นจริงว่า จักษุสัมผัสไม่เที่ยง. รู้ตาม
ความเป็นจริงว่า สุขเวทนา ทุกข์เวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้น
เพราะจักษุสัมผัสเป็นปัจจัย ไม่เที่ยง ฯลฯ รู้ตามความเป็นจริงว่า ใจไม่เที่ยง
รู้ตามความเป็นจริงว่า ธรรมารมณ์ทั้งหลายไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า
มโนวิญญาณไม่เที่ยง รู้ตามความเป็นจริงว่า มโนสัมผัสไม่เที่ยง รู้ตามความ
เป็นจริงว่า สุขเวทนา ทุกขเวทนา หรืออทุกขมสุขเวทนา ที่เกิดขึ้นเพราะ
มโนสัมผัสเป็นปัจจัย ไม่เที่ยง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลาย เมื่ออยู่
ในที่สงัด จงประกอบความเพียรเถิด ภิกษุผู้อยู่ในที่สงัด ย่อมรู้ตามความ
เป็นจริง.
จบ ปฏิสัลลีนสูตรที่ 7

อรรถกถาปฏิสัลลีนสูตรที่ 7


ในปฏิสัลลีนสูตรที่ 7 มีวินิจฉัยดังต่อไปนี้.
บทว่า ปฏิสลฺลานํ ได้แก่ กายวิเวก. จริงอยู่ พระองค์ทรงเห็น
บุคคลผู้เสื่อมจากกายวิเวก ทรงทราบว่า เมื่อคนเหล่านี้ได้กายวิเวก
กรรมฐานจักต้องมีพี่เลี้ยงนางนมดังนี้แล้ว จึงตรัสพระสูตรนี้.
จบ อรรถกถาปฏิสัลลีนสูตรที่ 7