เมนู

ภิกษุละอุปกิเลสแห่งใจในฐานะ 6 นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อม
เป็นอันน้อมไปในเนกขัมมะ จิตอันเนกขัมมะอบรมแล้ว ย่อมปรากฏว่า
ควรแก่การงาน ในธรรมอันจะพึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา.
จบ รูปสูตรที่ 2

3. วิญญาณสูตร



ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต



[501] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัดด้วย
อำนาจความพอใจในจักษุวิญญาณ เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในโสตวิญญาณ ฯลฯ โนฆานวิญญาณ ฯลฯ
ในชิวหาวิญญาณ ฯลฯ ในกายวิญญาณ ฯลฯ ในมโนวิญญาณ เป็น
อุปกิเลสแห่งจิต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิต
ในฐานะ 6 นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นอันน้อมไปในเนกขัมมะ
จิตอันเนกขัมมะอบรมแล้ว ย่อมปรากฏว่าควรแก่การงาน ในธรรมที่
จะพึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา.
จบ วิญญาณสูตรที่ 3

4. ผัสสสูตร



ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต



[502] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัดด้วย
อำนาจความพอใจในจักขุสัมผัส เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัด
ด้วยอำนาจความพอใจในโสตสัมผัส ฯลฯ ในฆานสัมผัส ฯลฯ ใน

ชิวหาสัมผัส ฯลฯ ในกายสัมผัส ฯลฯ ในมโนสัมผัส เป็นอุปกิเลสแห่งจิต
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิตในฐานะ 6 นี้ได้
เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นอันน้อมไปในเนกขัมมะ จิตอันเนกขัมมะ
อบรมแล้ว ย่อมปรากฏว่าควรแก่การงาน ในธรรมที่จะพึงทำให้แจ้ง
ด้วยอภิญญา.
จบ ผัสสสูตรที่ 4

5. เวทนาสูตร



ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต



[503] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัดด้วย
อำนาจความพอใจในจักขุสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในโสตสัมผัสสชาเวทนา
ฯลฯ ในฆานสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในชิวหาสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ
ในกายสัมผัสสชาเวทนา ฯลฯ ในมโนสัมผัสสชาเวทนา เป็นอุปกิเลส
แห่งจิต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภิกษุละอุปกิเลสแห่งจิตใน
ฐานะ 6 นี้ได้ เมื่อนั้น จิตของเธอย่อมเป็นอันน้อมไปในเนกขัมมะ
จิตอันเนกขัมมะอบรมแล้ว ย่อมปรากฏว่าควรแก่การงาน ในธรรมที่
พึงทำให้แจ้งด้วยอภิญญา.
จบ เวทนาสูตรที่ 5

6. สัญญาสูตร



ว่าด้วยอุปกิเลสแห่งจิต



[504 ] กรุงสาวัตถี. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความกำหนัดด้วย
อำนาจความพอใจในรูปสัญญา เป็นอุปกิเลสแห่งจิต ความกำหนัดด้วย