พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นอนัตตา
เวทนาเป็นอนัตตา สัญญาเป็นอนัตตา สังขารเป็นอนัตตา วิญญาณเป็น
อนัตตา ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้
ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ อนัตตสูตร
8. อนัตตธรรมสูตร
ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนัตตธรรม
[384] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควรส่วน
ข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า อนัตตธรรม อนัตตธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็น
อนัตตธรรม ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นอนัตตธรรม
เวทนาเป็นอนัตตธรรม สัญญาเป็นอนัตตธรรม สังขารเป็นอนัตตธรรม
วิญญาณเป็นอนัตตธรรม ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่
อย่างนี้ ฯลฯ ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ อนัตตธรรมสูตร
9. ขยธรรมสูตร
ว่าด้วยสภาพที่สิ้นสูญ
[385] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควรส่วน
ข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์
ผู้เจริญ ที่เรียกว่า ขยธรรม ขยธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็นขยธรรม ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นขยธรรม
เวทนาเป็นขยธรรม สัญญาเป็นขยธรรม สังขารเป็นขยธรรม วิญญาณ
เป็นขยธรรม ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ ขยธรรมสูตร
10. วยธรรมสูตร
ว่าด้วยสภาพที่รู้เสื่อมสลาย
[386] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควร
ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลถามคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่
พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า วยธรรม วยธรรม ดังนี้ อะไรหนอเป็น
วยธรรม ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นวยธรรม
เวทนาเป็นวยธรรม สัญญาเป็นวยธรรม สังขารเป็นวยธรรม วิญญาณ
เป็นวยธรรม ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อม
เบื่อหน่ายทั้งในรูป ฯลฯ รู้ชัดว่า ชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว
กิจที่ควรทำ ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ วยธรรมสูตร
11. สมุทยธรรมสูตร
ว่าด้วยสภาพที่รู้เกิดขึ้น
[387] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่สมควร
ส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้ทูลคำนี้กะพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์