เมนู

ทุติยวรรคที่ 2



1. มารสูตร



ว่าด้วยขันธมาร



[377] กรุงสาวัตถี. ครั้งนั้นแล ท่านพระราธะได้เข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้ว
นั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า มาร มาร ดังนี้ มารเป็นไฉนหนอ ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นมาร เวทนาเป็นมาร
สัญญาเป็นมาร สังขารเป็นมาร วิญญาณเป็นมาร
ดูก่อนราธะ อริยสาวก
ผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในรูป ย่อมเบื่อหน่าย
ทั้งในเวทนา ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสัญญา ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในสังขาร
ย่อมเบื่อหน่ายทั้งในวิญญาณ เมื่อเบื่อหน่าย ย่อมคลายกำหนัด เพราะ
คลายกำหนัด ย่อมหลุดพ้น ครั้นหลุดพ้นแล้ว ย่อมมีญาณหยั่งรู้ว่า
หลุดพ้นแล้ว รู้ชัดว่าชาติสิ้นแล้ว พรหมจรรย์อยู่จบแล้ว กิจที่ควรทำ
ทำเสร็จแล้ว กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ มารสูตร

อรรถกถามารสูตร



ในมารสูตรที่ 1 แห่งทุติยวรรคที่ 2 ด้วยคำว่า มาร พระราธเถระ
ย่อมทูลถามถึงความตาย. ความว่า ก็เพราะชื่อว่าความตายที่พ้นจาก
ขันธ์มีรูปเป็นต้นไม่มี. เหตุนั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสแก่พระเถระ
มีอาทิว่า ดูก่อนราธะ รูปแลเป็นมาร.

จบ อรรถกถามารสูตร

2. มารธรรมสูตร



ว่าด้วยธรรมของมาร



[378] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า
มารธรรม มารธรรม ดังนี้ มารธรรมเป็นไฉนหนอ ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสตอบว่า ดูก่อนราธะ รูปเป็นมารธรรม
เวทนาเป็นมารธรรม สัญญาเป็นมารธรรม สังขารเป็นมารธรรม วิญญาณ
เป็นมารธรรม
ดูก่อนราธะ อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้ ฯลฯ
ย่อมรู้ชัดว่า กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ มารธรรมสูตร

อรรถกถามารธรรมสูตร



ในสูตรที่ 2 คำว่า มารธรรม ได้แก่ มรณธรรม. อรรถทั้งปวง
พึงทราบโดยอุบายนี้ ดังนี้.
จบ อรรถกถามารธรรมสูตร

3. อนิจจสูตร

1

ว่าด้วยสิ่งที่เป็นอนิจจัง



[379] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราธะนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง
แล้ว ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ที่เรียกว่า
อนิจจัง อนิจจัง ดังนี้อะไรหนอ เป็นอนิจจัง ?
1. ตั้งแต่สูตรที่ 3 - 12 ในทุติยวรรคนี้ ไม่มีอรรถกถาแก้ไว้