เมนู

ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
พึงเกิดมีทิฏฐิอย่างนี้ว่า เราไม่พึงมี และบริขารของเราไม่พึงมี
เราจักไม่มี บริขารของเราจักไม่มี เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ ?
ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ โนจเมสิยาสูตรที่ 4

5. มิจฉาทิฏฐิสูตร



ว่าด้วยเหตุแห่งมิจฉาทิฏฐิ



[354] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมั่นอะไร
จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ธรรมของข้าพระองค์
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อรูปแลมีอยู่ เพราะอาศัยรูป
เพราะยึดมั่นรูป จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เมื่อเวทนามีอยู่... เมื่อสัญญามีอยู่...
เมื่อสังขารมีอยู่... เมื่อวิญญาณมีอยู่ เพราะอาศัยวิญญาณ เพราะ
ยึดมั่นวิญญาณ จึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ.
[355] ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความ
ข้อนั้นเป็นไฉน รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง ?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า ?

ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
พึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ ?
ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
ภ. เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เที่ยงหรือไม่เที่ยง ?
ภิ. ไม่เที่ยง พระเจ้าข้า .
ภ ก็สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั้นเป็นทุกข์หรือเป็นสุขเล่า ?
ภิ. เป็นทุกข์ พระเจ้าข้า.
ภ. ก็สิ่งใดไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีความแปรปรวนเป็นธรรมดา
พึงเกิดมีมิจฉาทิฏฐิ เพราะไม่อาศัยสิ่งนั้นบ้างหรือ ?
ภิ. ไม่ใช่เช่นนั้น พระเจ้าข้า.
ภ. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว เห็นอยู่อย่างนี้
ฯลฯ กิจอื่นเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มี.
จบ มิจฉาทิฏฐิสูตรที่ 5

6. สักกายทิฏฐิสูตร



ว่าด้วยเหตุแห่งสักกายทิฏฐิ



[356] กรุงสาวัตถี. พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสถามว่า ดูก่อน
ภิกษุทั้งหลาย เมื่ออะไรมีอยู่ เพราะอาศัยอะไร เพราะยึดมั่นอะไร
จึงเกิดมีสักกายทิฏฐิ ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ
ธรรมของข้าพระองค์ทั้งหลาย มีพระผู้มีพระภาคเจ้าเป็นรากฐาน ฯลฯ