เมนู

10. สีลสูตร



ว่าด้วยธรรมที่ควรใส่ใจโดยแยบคาย



[310] สมัยหนึ่งท่านพระสารีบุตร และท่านพระมหาโกฏฐิตะ
อยู่ ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวัน กรุงพาราณสี ครั้งนั้นแล ท่านพระมหา-
โกฏิฐิตะ
ออกจากที่พักในเวลาเย็น เข้าไปหาท่านพระสารีบุตร
ถึงที่อยู่ ฯลฯ ได้ถามว่า ท่านพระสารีบุตร ภิกษุผู้มีศีล ควรกระทำ
ธรรมเหล่าไหนไว้ในใจโดยแยบคาย ?
ท่านพระสารีบุตรตอบว่า ท่านโกฏฐิตะ ภิกษุผู้มีศีล ควรกระทำ
อุปาทานขันธ์ 5 ไว้ในใจโดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังฝี เป็นดังลูกศร เป็นความคับแค้น
เป็นอาพาธ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม เป็นของสูญ เป็นอนัตตา
อุปาทานขันธ์ 5 เป็นไฉน ?
คือ อุปาทานขันธ์คือรูป 1 อุปาทานขันธ์คือเวทนา 1 อุปาทาน
ขันธ์คือสัญญา 1 อุปาทานขันธ์คือสังขาร 1 อุปาทานขันธ์คือวิญญาณ 1
ท่านโกฏฐิตะ ภิกษุผู้มีศีล ควรกระทำอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ไว้ในใจ
โดยแยบคาย โดยความเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นดังโรค เป็นดังฝี
เป็นดังลูกศร เป็นความคับแค้น เป็นอาพาธ เป็นอื่น เป็นของทรุดโทรม
เป็นของสูญ เป็นอนัตตา ท่านโกฏฐิตะ ข้อนี้เป็นฐานะที่จะมีได้คือ
ภิกษุผู้มีศีล กระทำอุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ ไว้ในใจโดยแยบคาย ฯลฯ
โดยเป็นอนัตตา พึงกระทำให้แจ้งซึ่งโสดาปัตติผล.
[311] โก. ดูก่อนท่านสารีบุตร ภิกษุผู้เป็นโสดาบัน ควร
กระทำธรรมเหล่าไหนไว้ในใจ โดยแยบคาย ?