เมนู

ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า เมื่อบุคคลรู้อยู่
อย่างไร เห็นอยู่อย่างไรหนอ อหังการ มมังการ และมานานุสัย
ในกายที่มีวิญญาณนี้ และในสรรพนิมิตภายนอกจึงจะไม่มี ? พระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ตรัสว่า ดูก่อนราหุล รูปอย่างใดอย่างหนึ่งทั้งที่เป็นอดีต
อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ บุคคลพิจารณาเห็นรูป
ทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่นไม่ของ
เรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง
สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง วิญญาณอย่างใด
อย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก
หยาบหรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือที่ใกล้ บุคคล
พิจารณาเห็นวิญญาณทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง
อย่างนี้ว่า นั่นไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา
ดูก่อนราหุล เมื่อบุคคลรู้อยู่อย่างนี้ เห็นอยู่อย่างนี้แล อหังการ มมังการ
และมานานุสัย ในกายที่มีวิญญาณนี้ และในสรรพนิมิตภายนอก
จึงจะไม่มี.
จบ ราหุลสูตรที่ 1

10. ราหุลสูตรที่ 2



ว่าด้วยการรู้การเห็นที่ทำให้ปราศจากอหังการมมังการ

และมานานุสัย



[236] กรุงสาวัตถี. ท่านพระราหุลเข้าไปเฝ้าพระผู้มี-
พระภาคเจ้า
ถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่ง ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่ง

ครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า พระเจ้าข้า เมื่อบุคคลรู้อยู่
อย่างไร เห็นอยู่อย่างไรหนอ ใจจึงปราศจากอหังการ มมังการ และ
มานานุสัย ในกายที่มีวิญญาณนี้และในสรรพนิมิต ภายนอก เป็นของ
ก้าวล่วงด้วยดี ในส่วนแห่งมานะ สงบแล้ว หลุดพ้นดีแล้ว ?
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูก่อนราหุล รูปอย่างใดอย่างหนึ่ง
ทั้งที่เป็นอดีต อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบ
หรือละเอียด เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ บุคคลพิจารณา
เห็นรูปทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่น
ไม่ใช่ของ ราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา แล้วย่อมหลุดพ้น
เพราะไม่ถือมั่น เวทนาอย่างใดอย่างหนึ่ง สัญญาอย่างใดอย่างหนึ่ง
สังขารเหล่าใดเหล่าหนึ่ง วิญญาณอย่างใดอย่างหนึ่ง ทั้งที่เป็นอดีต
อนาคต และปัจจุบัน เป็นภายในหรือภายนอก หยาบหรือละเอียด
เลวหรือประณีต อยู่ในที่ไกลหรือในที่ใกล้ บุคคลพิจารณาเห็นวิญญาณ
ทั้งหมดนั้น ด้วยปัญญาอันชอบตามความเป็นจริง อย่างนี้ว่า นั่น
ไม่ใช่ของเรา เราไม่เป็นนั่น นั่นไม่ใช่อัตตาของเรา แล้วย่อมหลุดพ้น
เพราะไม่ถือมั่น ดูก่อนราหุล เมื่อบุคคลรู้อยู่ เห็นอยู่อย่างนี้แล ใจจึงจะ
ปราศจากอหังการ มมังการ และมานานุสัย ในกายที่มีวิญญาณนี้ และ
ในสรรพนิมิตภายนอก เป็นของก้าวล่วงด้วยดีในส่วนแห่งมานะ
สงบแล้ว หลุดพ้นดีแล้ว.
จบ ราหุลสูตรที่ 2
จบ เถรวรรคที่ 4

อรรถกถาสูตรที่ 9-10



ราหุลสูตรที่ 1

และ ราหุลสูตรที่ 2 มีเนื้อความดังกล่าว
แล้ว ในราหุลสังยุต. ก็สูตรทั้ง 2 นี้ ล้วนมาในที่นี้ ก็เพราะเหตุผลที่ว่า
วรรคนี้เป็นเถรวรรค นั่นแล.
จบ อรรถกถาเถรวรรคที่ 4

รวมพระสูตรที่มีในวรรคนี้ คือ


1. อานนทสูตร 2. ติสสสูตร 3. ยมกสูตร 4. อนุราธสูตร
5. วักกลิสูตร 6. อัสสชิสูตร 7. เขมกสูตร 8. ฉันนสูตร 9. ราหุลสูตร
ที่ 1 10. ราหุลสูตรที่ 2