อาจารย์ยืน1 ทูลถามปัญหาอยู่ ถ้าภิกษุ (500 รูป) นั้นนั่ง ก็เป็นการทำ
ความเคารพในพระศาสดา (แต่) ไม่เป็นการทำความเคารพในอาจารย์
ถ้ายืน ก็เป็นการทำความเคารพในอาจารย์ (แต่) ไม่เป็นการทำความ
เคารพในพระศาสดา เมื่อเป็นเช่นนี้ จิตของภิกษุเหล่านั้นก็จักฟุ้งซ่าน
พวกเธอจักไม่สามารถรองรับพระธรรมเทศนาได้ แต่เมื่อภิกษุรูปที่
เป็นอาจารย์นั้นนั่งถาม จิตของภิกษุเหล่านั้นจักแน่วแน่ (ในอารมณ์เดียว)
พวกเธอก็จักสามารถรองรับพระธรรมเทศนาได้.
บทว่า อิเม นุ โข ภนฺเต ความว่า พระเถระนี้อันใคร ๆ
ไม่ควรพูด (ตำหนิ) ว่า ผู้ที่เป็นอาจารย์ของภิกษุตั้ง 500 รูป ไม่รู้แม้
เพียงเบญจขันธ์ เนื่องจากว่า การที่เธอเมื่อถามปัญหาจะถามเหมือน
คนรู้อย่างนี้ว่า อุปาทานขันธ์ 5 เหล่านี้ ไม่ใช่อุปาทานขันธ์เหล่าอื่น
ไม่เหมาะเลย เพราะฉะนั้น ท่านจึงถามเหมือนคนไม่รู้.
อนึ่ง แม้อันเตวาสิกทั้งหลายของท่านนั้น จักพากันคิดว่า
อาจารย์ของพวกเราไม่พูดว่าเรารู้ แต่เทียบเคียงกับพระสัพพัญญุตญาณ
ก่อนแล้วจึงพูด ดังนี้แล้ว สำคัญคำสอนของท่านว่า ควรฟัง ควรเชื่อถือ
แม้เพราะเหตุนั้น ท่านจึงถามเหมือนคนไม่รู้.
เบญจขันธ์มีฉันทะเป็นมูลเหตุ
บทว่า ฉนฺทมูลกา คือ (เบญจขันธ์) มีฉันทะ คือ ตัณหาเป็นมูล.
บทว่า น โข ภิกฺขุ ตญฺเญว อุปาทานํ เต จ ปญฺจุปาทานกฺขนฺธา
ความว่า เพราะเหตุที่เบญจขันธ์ที่พ้นไปจากฉันทราคะไม่มี ฉะนั้น
1. ปาฐะว่า วิตกฺเก ปุจฺฉนฺเต ฉบับพม่าเป็น ฐิตเก ปุจฺฉนฺเต แปลตามฉบับพม่า
พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสพระพุทธพจน์บทนี้ไว้. แต่เพราะเหตุที่ไม่มี
อุปาทานที่พ้นไปจากขันธ์ทั้งโดยสหชาตปัจจัยหรือโดยอารัมมณปัจจัย
ฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงไม่ตรัสว่า ปาทานมีนอกจากปาทานขันธ์ 5.
เพราะว่า เมื่อจิตที่สัมปยุตด้วยตัณหาเป็นไปอยู่ รูปที่มีจิตนั้นเป็น
สมุฏฐานชื่อว่า รูปขันธ์. เว้นตัณหาเสีย อรูปธรรมที่เหลือจัดเป็นขันธ์ 4
รวมความว่า ไม่มีอุปาทานที่พ้นไปจากขันธ์ทั้งโดยสหชาตปัจจัย
อนึ่ง ไม่มีอุปาทานที่พ้นไปจากเบญจขันธ์ทั้งโดยอารัมมณปัจจัย
เพราะอุปาทานทำขันธ์ใดขันธ์หนึ่งในบรรดาเบญจขันธ์มีรูปเป็นต้น
ให้เป็นอารมณ์เกิดขึ้น.
ฉันทราคะมีต่าง ๆ กัน
บทว่า ฉนฺทราคเวมตฺตตา แปลว่า ความที่ฉันทราคะมีต่าง ๆ กัน.
บทว่า เอวํ โข ภิกฺขุ ความว่า ความที่ฉันทราคะมีต่าง ๆ กัน
พึงมีได้ เพราะฉันทราคะที่มีรูปเป็นอารมณ์อย่างนี้ ก็จะไม่ทำขันธ์ใด
ขันธ์หนึ่งในบรรดาขันธ์มีเวทนาขันธ์เป็นต้น ให้เป็นอารมณ์.
บัญญัติ
บทว่า ขนฺธาธิวจนํ คือ นี้เป็นบัญญัติของขันธ์ทั้งหลาย1.
ก็บัญญัตินี้ไม่สืบต่ออนุสนธิกันเลย ไม่สืบต่ออนุสนธิกันก็จริง ถึงกระนั้น
คำถามก็มีอนุสนธิ (ต่อเนื่องกัน) คำวิสัชนาก็มีอนุสนธิ (ต่อเนื่องกัน).
ถึงพระเถระนี้ ทูลถาม (ปัญหากะพระผู้มีพระภาคเจ้า)
ตามอัธยาศัยของภิกษุเหล่านั้น ๆ ฝ่ายพระศาสดาก็ทรงแก้ (ปัญหา)
ตามอัธยาศัยของภิกษุเหล่านั้น เหมือนกัน.
1. ปาฐะว่า ขนฺธาติ อยํ ปญฺญตฺติ ฉบับสีหลเป็น ขนฺธานํ อยํ ปญฺญตฺติ แปลตามฉบับสีหล